มีนายหน้ารุ่นใหญ่บ่นน้อยใจโชคชะตา ต้นทุนชีวิตไม่ดีเท่าคนอื่น ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพนายหน้าสักที

มีนายหน้ารุ่นใหญ่บ่นน้อยใจโชคชะตา ชีวิตเกิดมาไม่เหมือนใครเค้า ต้นทุนชีวิตไม่ดีเท่าคนอื่น

เลยไม่มีโอกาสได้ทำอะไรตามใจที่ใจต้องการ

ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพนายหน้าสักที

ผมเลยบอกว่า
ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับ
Mindset และ Attitude ในอาชีพ
ถ้าคุณยังไม่สามารถตอบได้ว่า

อาชีพนายหน้ามีองค์ประกอบอะไรบ้าง

ต้องศึกษา hard skill และ soft skill อะไรบ้าง

อย่าเพิ่งรีบทำ

แต่เค้าก็ยังมองว่า

Mindsetและ Attitude เป็นเพียงส่วนนึง
แต่โอกาสเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

ถ้ามีโอกาสที่ดี
ป่านนี้เค้าสามารถประสบความสำเร็จไปนานแล้ว

อยากจะถามจัง
โอกาสที่ว่าคืออะไรครับ?
คนเราจะประสบความสำเร็จ
ต้องรอโอกาสเข้ามา
หรือวิ่งเข้าหาโอกาสครับ?

ผมก็เริ่มจาก 0 นะ
อาชีพเก่าผมคืองาน production ภาพยนตร์

ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับอสังหาเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่ทำไมผมถึงมาอยู่จุดนี้ได้?

Mindset และ Attitude
มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งครับ
แต่มันเป็น #ส่วนหลัก
ต้องเคลียร์ตัวเองให้ขาด
ก่อนที่เราจะเริ่มก้าวขาก้าวแรก
กับการจะทำอาชีพสักอาชีพด้วยซ้ำ

ถ้าคุณคิดว่าโอกาส=ความสำเร็จ
งั้นวันนี้ผมยื่นโอกาสให้คุณทุกวัน
ตามที่คุณต้องการ

แล้วคุณแน่ใจมั้ย

ว่าการที่ผมหยิบยื่นโอกาสให้ในทุกวันๆ
คุณพร้อมจะทำมันให้สำเร็จได้จริงๆ

เด็กหลายคนผมยื่นโอกาสให้

ความแตกต่างของเด็กที่สำเร็จกับไม่สำเร็จคืออะไร?

ผมว่าไม่ใช่จำนวนของการให้โอกาส

แต่เป็นการที่เด็กคนนั้น
สามารถตีความจากโอกาสที่ผมยื่นให้
ว่ามันควรจะเป็นไปในทิศทางไหน

ว่าง่ายๆคือเค้าต้องมองภาพให้ออก
ว่าสิ่งที่ผ่านเข้ามานั้น

เค้าจะสามารถทำมันออกมาได้มากขนาดไหน

เกิดผลลัพธ์ออกมาได้ดีที่สุดอย่างไร
ในโจทย์ที่มีข้อจำกัดมากมาย

ถ้าเด็กมองไม่ออก
ผมยื่นที่ดินกลางสุขุมวิทให้
มากสุดเค้าก็แค่เอาไปขาย
แล้วก็มีเงินก้อนนึงสักก้อน
แล้วใช้ชีวิตต่อ (หรือเงินอาจหมดก่อนในเวลาอันสั้น)

แต่ถ้าเป็นเด็กที่มองออก
เค้าเอาที่ดินไปเล่นแร่แปรธาตุ
เอาไปพัฒนาต่อ

ทำเป็น commercial ในรูปแบบต่างๆ
ทำ hostel/Airbnb/avenue/residential/market/shop

หมุนเวียนไปตามสภาวะเศรษฐกิจ
แล้วเก็บกินค่าเช่าไปจนตาย

แถมยังส่งต่อมรดกให้ลูกหลานตัวเองได้ต่อ

โจทย์เดียวกัน

แต่เด็ก2คนทำผลลัพธ์ออกมาแตกต่างกัน

แบบนี้เราจะนับว่า
โอกาส = ความสำเร็จ
จริงๆหรอครับ?

สิ่งที่จะบอกคือ

#วิธีคิด
มันสำคัญกว่าวิธีการ
สำคัญกว่าการนั่งรอคอยโอกาส
ที่หวังล้มๆแล้งๆว่ามันจะเข้ามา

แต่ถ้าคุณไม่มีความพร้อม
ไม่มีองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพ
ต่อให้โอกาสมันลอยมาอยู่ในมือ
มันก็หลุดลอยไป
เพราะคุณไม่รู้วิธีคว้ามัน

การขายที่ดินได้
ถ้ามองว่าเหมือนถูกหวย
อันนี้ก็เป็นชุดความคิด
ที่ไม่เหมาะสมจะมาทำนายหน้า

การถูกหวยคือไม่ใช้ทักษะอะไรเลย
ใช้บุญใช้ดวงล้วนๆ
ไม่ต้องไปศึกษาอะไรเพิ่ม

แต่การขายที่ดิน
ต้องใช้ความรู้ในการพิจารณาที่ดินแต่ละแปลง
ภาษาในวงการคือการทำฟีส

เค้าต้องพิจารณาว่า
แปลงที่ดินแต่ละแปลง
สร้างอะไรได้บ้าง
ตามข้อจำกัดของหน้าถนน
รูปร่างที่ดิน ขนาดที่ดิน
รวมถึงกฏหมายผังเมือง

การที่เค้าลงทุนซื้อที่ดินไปนั้น
มันคุ้มกับสิ่งที่เค้าจะทำมั้ย
ถ้าในเชิงการลงทุน
จะทำให้เค้าได้ผลตอบแทนสูงสุดได้อย่างไร

ไม่ใช่มีที่ดินในมืออยู่
แล้วก็โยนเสนอไปเรื่อย
โดนที่ตัวเองยังไม่รู้เลย
ว่าแปลงที่ถืออยู่ในมือ

มันสร้างอะไรได้บ้าง
มีศักยภาพอย่างไร
ราคาสมเหตุสมผลมั้ย
เหมาะสมกับโจทย์ลูกค้ารึเปล่า

อยากได้ 1 ไร่
เสนอ 69 ไร่
อยากได้โซนอยุธยา
เสนอโซนเชียงราย

คือตัวเองยังดูไม่เป็นเลยไง
โยนไปมั่วๆหวังจะเข้าตานายทุนสักเคส

ทำงานแบบนี้
ทั้งชาติก็ปิดดิลไม่ได้หรอก

อย่าโทษฟ้าโทษฝนโทษดวงชะตาเลยครับ

#โทษตัวเอง ดีกว่าครับ

สมัยผมทำแรกๆ
ความรู้คือสิ่งที่ต้องจ่ายมาเสมอ
ต้องเจียดเงินเก็บจากการทำงาน
มาลงเรียนแต่ละคอร์สอยู่เลย

แต่สมัยนี้สามารถหาความรู้ได้ง่ายมาก
YouTube/TikTok/Facebook
โคตรรรรเยอะ
แถมยังเป็นความรู้ที่ดีและฟรีด้วย

ทำไมไม่หาความรู้
ที่เป็นประโยชน์ใส่ตัวเอง
สร้างศักยภาพตัวเองให้แข็งแรงขึ้น

ติดอาวุธความรู้ให้กับตัวเอง
แล้วใช้มันสร้างรายได้ให้กับเราล่ะครับ

ต้นทุนไม่มี
ก็ยิ่งต้องพยายาม
พยายามให้มากกว่าคนอื่น
เพราะปลายทางมันคือความสำเร็จเหมือนกัน

ทุกคนไปถึงได้หมดไม่ช้าก็เร็ว

เราทำอะไรแล้วไม่สำเร็จ
ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย
ผมเองก็ทำอะไรหลายอย่าง
แล้วล้มเหลวมาเหมือนกัน

ยังมีแรงมีสมอง
ก็แค่ลุกขึ้นมาแล้วทำมันต่อไป
ในแนวทางใหม่

ให้ประสบการณ์เป็นบทเรียน
ในการนำทางเราต่อจากนี้

#คุณจะได้อะไรดีๆทุกการล้มเหลวเสมอ

ถ้าไปเที่ยวบอกคนอื่นว่า
กูเคยทำแล้ว…ไม่สำเร็จ
มึงอย่าไปทำเลย

เพราะมึงก็จะไม่สำเร็จเหมือนกัน
ผมว่ามันเป็นความคิดที่ loser นะ

#ฝากไว้ให้คิด