เกี่ยวกับคนเขียน
Naowarat

ความรู้

ความรู้

😑 "Teamwork" หรือ "Team ไม่ work" ในธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ???!!!

Naowarat
วันที่สร้างประกาศ เวลาสร้าง 5 กรกฎาคม 2566 10:35
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อนเอเจนที่เปิดบริษัท จดทะเบียน และมีการ recruit เอเจนอยู่หลายครั้ง ได้เห็นบางอย่างที่น่าจะนำมาขบคิดและเขียนออกมา

ใครอ่านอาจจะได้คิดอะไรออก และเป็นประโยชน์บ้าง ไม่ต้องเห็นด้วยทั้งหมด หรือไม่เห็นด้วยเลยก็ได้ และยินดีถ้าจะมีการแลกเปลี่ยนกันอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ประสาพี่น้องที่เอื้อเฟื้อกันนะคะ
งานเอเจน เป็นงานที่ทำสำเร็จจบได้ด้วยคนเพียงคนเดียว เป็นงานที่อาศัยทักษะและความคล่องตัว ซึ่งเป็นบุคลิกภาพเฉพาะบุคคล คนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี รู้จักทำเล รู้ช่องทาง จึงสามารถทำเงินในธุรกิจนี้ได้ดี

(และไม่มีข้อไหนเลยที่บอกว่าคุณจะสำเร็จในงานนี้ได้ถ้าเก่งงานเอกสาร และทำโอนเป็น ดังนั้น คนใหม่ไปเรียนมาแล้วอย่าหลงทางนั่งทับตำราแต่ไม่ออกไปลงมือทำนะคะ )
1. คนสามารถทำเงินได้เป็นหลักแสน หลักล้านต่อเดือน แต่น่าสนใจว่า การเอาเอเจนซุปเปอร์สตาร์มารวมกัน ไม่สามารถจะการันตีผลรวมยอดขาย ยอดคอมมิชชั่นได้
ซึ่งประเด็นนี้ เจ้าของโบรกเกอร์ทั้งหลาย…รู้ดี
Recruit เอเจนเข้ามา กว่าจะสอนให้เป็นงาน รอดมาจนเก่ง ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าเขาจะอยู่กับโบรกเกอร์นั้นๆตลอดไป ปีแรกๆ ได้จับเงินหลายแสน ก็อาจเข้าใจแล้วว่ารู้จบทั้งปวง

เขาอาจจะอยากออกไปเป็นฟรีแลนซ์ หาลูกค้าเองไม่ต้องแบ่งบริษัท หรือเปิดบริษัทเอง ซื้อโฆษณาเอง และอยากเป็น Boss ของเอเจนใหม่ๆบ้างก็ได้ ….และนั่นคือวิถีคนเก่ง
หรือถ้าเขาอยากอยู่เพราะไม่อยากลงทุนหาลูกค้าเอง พอใจกับการมีจำนวนลูกค้าที่พอเพียงจากบริษัท ไม่ชอบปวดหัวงานบริหาร

ก็ไม่แน่ว่าบริษัทอื่นที่มองหาซุปเปอร์สตาร์ก็อาจจะมายื่นข้อเสนอและขโมยเขาไปจากบริษัทได้ในสักวันหนึ่ง
ที่เหลือ อาจเป็นเอเจนที่ไม่ค่อยมีผลลัพธ์ หรือยังอยู่ในระหว่างเรียนรู้ คอยป้อนคำถามและบางทีก็คอยช่วยทำเรื่องน่าปวดหัวรายวันให้เจ้าของบริษัทหรือหัวหน้าทีม
เจ้าของบริษัทบางคน เคยเป็นซุปเปอร์สตาร์ขายเก่ง ยอดกระจายมาก่อน แต่พอเปิดบริษัท มาใช้ทักษะการบริหารซึ่งเป็นทักษะคนละชุดกับการขาย

เจอเรื่องดึงพลังงานมากมาย แป๊กค่ะ! ยอดหาย แรงหด เงินหมด หน้าแห้งก็มากมี
จริงหรือที่โบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์จะโตได้ต้องมีเอเจนเยอะๆ ?
ถ้าเอเจนเยอะๆ เป็น High productive agents ทำงานเก่ง เป็นระบบอัตโนมัติทั้งทีมพร้อมใจจะอยู่กับบริษัท เพราะพอใจกับสิ่งที่บริษัทมอบให้และไม่คิดจะลงทุนเอาเอง แค่เพราะไม่อยากแบ่งคอมมิชชั่น

ถ้าเป็นแบบนั้น ก็เยี่ยมเลยค่ะ รวย! นั่นคือ มีคนเพิ่ม จึงเพิ่มผลงาน เป็น leveraging จากการเพิ่มจำนวนคน
แต่ประเด็นคือ บ้านเรา ไม่มีแม้กระทั่งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพบังคับใช้ ไม่มีการอบรมขั้นต่ำอย่างเป็นทางการ และใครก็เข้ามาเป็นเอเจนได้ ไม่ว่าจะเรียนหรือไม่มีความรู้อะไรมาเลยก็ตาม

เราจึงมีเอเจนที่ทำงานไม่เป็น อีกทั้งไม่เข้าใจบทบาทและการรับผิดชอบตัวเองในฐานะเจ้าของธุรกิจเต็มไปหมด เป็นแรงงานไร้ฝีมือซะเยอะ แล้วมันจะ leverage ยังไง?
ถ้าจะเถียงว่า ใช้ Model ผลิต leads เยอะๆ มาให้เอเจนวิ่งปิดเหมือน Grab ส่งของ ส่งคน ส่งอาหารล่ะ ไฮย่า… Grab ยังต้องมีใบขับขี่ มีประกันอุบัติเหตุ

แล้วเอเจนมีอะไรอ่ะ!? ระดับการการันตีฝีมือขั้นต่ำยังไม่มี แล้วจะมองเรื่องของคุณภาพ และผลลัพธ์เชิงระบบจากตรงไหน?
บางบริษัทที่เขา recruit เอเจนเป็นร้อยๆ generate leads ส่งให้ไม่อั้น เขามีความไว ความ tech ความทุนหนา และ Business model ที่ไม่ใช่การเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ หรือเปล่า?

ต้องวิเคราะห์ผู้ร่วมตลาดให้ดี เพราะบางที เขาก็ไม่ใช่คู่แข่งแต่แรก ถ้าชัดเจนเสีย เราจะได้ไม่ต้องฉีกแข้งขา วิ่งตามเขาให้เหนื่อยยยย
ในอเมริกาที่สังคมเต็มไปด้วยการแข่งขัน บีบคั้นกว่าบ้านเรามาก ผู้คนค่อนข้างแอคทีฟ ยังพบว่า การ recruit ให้ได้เจอ Superstar agent 1 คน ยังต้อง recruit เอเจนถึง 1,200 คน (ref. Remax Global)

ดังนั้น ไทยแลนด์แสนสบาย จะได้เจอซุปตาร์เอเจน เราอาจต้องผ่านกระบวนการคัดสรรไปอีกในจำนวนมากกว่านั้น…เยอะ!
นั่นในประเทศที่ทุก transaction ต้องผ่านเอเจนมีใบอนุญาต และเอเจนต้องสังกัดโบรกเกอร์ทุกคน ตามกฏหมาย ทุกโบรกเกอร์ก็ต้องมีใบอนุญาต

แต่ที่นี่ไม่มีข้อจำกัดใด แล้วทำไม?เอเจนเก่งๆ ที่ทำเงินเองได้เยอะๆ ต้องมาเป็นทีมงานในสังกัดบริษัทด้วย?
จะว่าเพราะบริษัทมีลูกค้าให้? แต่ใครๆก็ซื้อโฆษณาเป็นนะ จะว่าเพราะเจ้าของบริษัทมีความรู้มาก? แต่ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ มันไม่มีความลับนะ

วันนี้เขาไม่รู้ อยู่ๆไปเขาก็หาความรู้ได้ หรือจะด้วยเหตุผลใด เจ้าของบริษัทที่กำลังจะเปิด หรือเปิดแล้ว ต้องคิดให้มาก “Why You?”หาจุดแข็งตัวเองให้เจอ!
ทะเลาะกับตัวเองให้จบ ก่อนเริ่มชวนชาวบ้านเขามาอยู่ด้วย ก่อนเริ่มจ่ายเงินค่าเช่าออฟฟิศ ค่าสะระตะ ค่าใช้จ่ายคงตัว รวมทั้งวางแผนเรื่องการจ่ายพลังงานดูแลคนใหม่ จนกว่าเขาจะทำงานเป็นด้วย

บางที่ไม่จ้างแบบมีเงินเดือนก็อย่าคิดว่าจะไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะสุดท้ายผลลัพธ์ไม่เป็นดั่งใจ น้องเขาเลือกที่จะไป ไม่แคร์ มันเสียนะ และเสียอะไรก็ไม่เท่า “เสียใจ” และ”เสียแรง”

กว่าจะกอบกู้ตัวเอง และยอดขายส่วนตัวกลับมา มันเหนื่อย และรู้อะไร ก็ไม่สู้ “รู้งี้”
คิดตรึกตรองให้ดี ก่อนทำ และพบกันที่ความสำเร็จนะคะ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ดูหัวข้ออื่นเพิ่มเติม