ความรู้

ความรู้

🔥 คนรวยเค้าทำยังไง ถึงมีรายได้ ร้อยล้าน พันล้าน แถมยังเสียภาษีน้อยมาก เดี๋ยวอาจารย์จะเหลาให้ฟัง

matching
วันที่สร้างประกาศ เวลาสร้าง 12 กรกฎาคม 2566 11:18
หลักการที่ว่า คือ BUY-BORROW-DIE
1. สิ่งที่เศรษฐีมองหาไข่ทองคำ
นอกจากจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ นาฬิกา, กระเป๋าหรือหุ้นพื้นฐานดีแล้ว จะมีอีกอย่างนึง ที่เค้าจะซื้อไว้เป็น Asset กัน บางคนอาจจะนึกไม่ถึงมาก่อน
นั่นคือการซื้อ"ทีมกีฬา" ครับ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาชนิดไหน ที่คนส่วนใหญ่นิยมดูกัน ไม่ว่าจะเป็น ทีมบาสเก็ตบอล สโมสรฟุตบอล ทีมรถแข่ง หรือทีมเบสบอล Asset ประเภทนี้ เศรษฐีหลายคนถึงขั้นแย่งกันซื้อเลยก็มี
ส่วนหนึ่ง อาจจะเป็นการชื่นชอบในกีฬานั้นๆ โดยส่วนตัว แต่หารู้ไม่ว่า

จริงๆ แล้ว มันคือธุรกิจอีกชนิดนึง Asset ชนิดนี้ สามารถเป็นเครดิตในการขอกู้จากธนาคารได้
ทีมที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เป็นผลพลอยให้เจ้าของสโมสรถือครองทรัพย์สิน มีมูลค่าเครดิตที่สูงขึ้นเช่นกัน
หรือแม้กระทั่งผลงานทางศิลปะ ที่มีมูลค่าสูงๆ
Asset พวกนี้ เมื่อซื้อมาแล้ว ไม่ขายด้วยนะ แล้วเค้าซื้อไปทำไม?
นั่นเป็นเพราะถ้าเค้าขายทรัพย์สินพวกนี้ไป Capital gain หรือเงินส่วนต่างที่เค้าได้รับ จะต้องเสียภาษี
ยกตัวอย่างหุ้นมูลค่า 1,000 ล้าน 10 ปีผ่านไป อาจจะขึ้นมาเป็น 10,000 ล้าน อัตราการโตที่เพิ่มขึ้นมา 10 เท่า ตราบใดที่ยังไม่ขาย ยังไม่ถือว่าเป็นรายได้ ยังไม่ถือว่าเป็นกำไร
แต่ถ้าขายปุ๊บ จะต้องเสียภาษีทันที ไอ่ความต่าง 9,000 ล้านเนี่ย ภาษีที่ต้องเสียเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยนะ
ก็จะเกิดคำถามว่า อ้าว!? ซื้อมาแล้วไม่ขาย จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อข้าวกิน
ใช่ครับ ในเมื่อคนเราต้องกินต้องใช้เค้าเลยไปใช้การหาเงินอีกวิธีนึง นั่นคือการกู้ธนาคาร (Borrow) โดยใช้สินทรัพย์ที่ตัวเองซื้อมานั่นแหละ เป็นตัวค้ำประกัน
อันนี้ไม่ได้เป็นการหนีภาษีนะ เป็นกระบวนการที่ถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่าง
ถามว่าธนาคารรับของพวกนี้เพื่อปล่อยสินเชื่อด้วยหรอ ก็ต้องบอกว่ารับครับ เพราะธนาคารมองว่านี่คือธุรกิจ นี่คือสินทรัพย์ ที่ผู้กู้ที่สามารถนำมาค้ำประกันได้
แต่ถ้าผู้กู้ผิดนัดชำระ ธนาคารก็สามารถยึดสินทรัพย์นั้นได้เช่นกัน
ดังนั้นเศรษฐีส่วนใหญ่ มักจะสะสมสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Trophy Asset
หุ้นต้องมีพื้นฐานดี ตึกหรือที่ดินต้องอยู่ใน Prime location ศิลปะต้องเป็นศิลปะที่มีมูลค่า เป็นที่ต้องการสะสมไปตลอดช่วงชีวิต
ดังนั้นพอถึงเวลาจะใช้เงิน แทนที่จะขายทรัพย์สินเพื่อเสียภาษี เค้าใช้วิธี "กู้ธนาคาร" แทนครับ
เศรษฐีหลายคนเป็นเจ้าของบริษัท เซตเงินเดือนตัวเองไม่กี่เหรียญต่อเดือน (บางคนเซตไว้แค่ 1 เหรียญต่อเดือนเท่านั้น)
แน่นอนเงินเดือนเท่านี้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้แน่นอน แต่ "มูลค่าความมั่งคั่ง" ของเค้าเหล่านั้น กลับเพิ่มขึ้นมหาศาลในแต่ละปี
บางครั้งเค้าใช้ทรัพย์สินตัวเองค้ำประกันแล้ว นำไปซื้อสินทรัพย์อย่างอื่นต่อ อะไรที่ยังไม่ใช่รายได้ (Income) นั่นแปลว่าเค้าไม่ต้องเสียภาษี
ผิดกับคนทั่วไปอย่างเรา รายได้ที่ได้มา ยังไม่ทันได้ใช้เลย ก็โดนหักภาษีไปแล้วและเป็นภาษีแบบก้าวหน้าด้วย
อัตราภาษีแบบก้าวหน้าคืออะไร อธิบายง่ายๆ ก็คือ ยิ่งมีรายได้มาก ยิ่งเสียภาษีเยอะขึ้นไปอีก ซึ่งภาษีบุคคลธรรมดา มีเรตการเสียภาษีสูงสุดถึง 35% (มีรายได้ 5 ล้านขึ้นไป)
แต่การถ้าเป็นการกู้ยืม คุณจะเสียดอกเบี้ยแทน และต้องเป็นดอกเบี้ย ที่มีเรตต่ำกว่ามูลค่าความมั่งคั่งของทรัพย์สินที่ได้มาเช่นกัน
เช่น คุณไปกู้ธนาคารมา (ใช้ทรัพย์สินตัวเองค้ำประกัน) คุณเสียดอกเบี้ยอยู่ที่ 2-3%
แต่การเติบโตของทรัพย์สินของคุณกลับมากกว่า 10 %
ดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 2 บาท แต่ได้ทรัพย์สินมูลค่า 10 บาท ส่วนต่าง 8 บาทที่เหลือ ก็สามารถหมุนเอาไปซื้อ Trophy Asset ได้อีกอย่างไม่จำกัด เรียกว่าหาเงินได้แบบ infinity กันเลยทีเดีย
ดังนั้นพวกนี้มีจุดประสงค์การกู้ต่างจากคนอื่น คนทั่วไปอาจจะกู้เพื่อบริโภค กู้เพื่อที่อยู่อาศัย กู้เพื่อความจำเป็นพื้นฐาน
แต่คนพวกนี้กู้เพื่อซื้อทรัพย์สิน และสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นไปอีก
กลยุทธ์แบบนี้ CEO ระดับโลกหลายคนใช้กัน ไม่ว่าจะเป็น CEO จาก Google, Microsoft, Nike
แต่ใช้ว่าวิธีนี้จะไม่มีข้อเสียเลย ก็มีคนเคยเจ๊งกับวิธีนี้เหมือนกัน ดังนั้นคุณต้องรู้ตัวเองว่าคุณต้องเป็นคนมีการเงินที่ดีมากๆ และมองธุรกิจได้อย่างเฉียบคม
ทรัพย์สินที่คุณซื้อ จะต้องเติบโตเกินอัตราดอกเบี้ยที่กู้ยืมมา
เรารู้หลักการ Buy และ Borrow ละ แล้ว Die คืออะไร?
Die คือการส่งต่อมรดกครับ คนรวยเนี่ยะ เค้าวางแผนไว้หมดกระทั่งตอนตัวเองจากไป มรดกจะเป็นการโอนทรัพย์สินที่เสียภาษีน้อยมาก
ยกตัวอย่างเช่น
พ่อแม่ซื้อหุ้นมาตอนราคา 10 บาท
พอพ่อแม่จากไป
หุ้นตอนนั้นขึ้นมาเป็น 100 บาท
ตอนพ่อจากไป หุ้นถูกส่งต่อให้ลูก ไอ่หุ้นมูลค่า 100 บาทเนี่ยะ ลูกไม่เสียภาษีเลยแม้แต่บาทเดียว
ในอเมริกาก็เป็นกรณีพิพากษ์กันอยู่ ว่ามันไม่แฟร์เลย ที่มหาเศรษฐีคนนึง ตั้งแต่เกิดยันตาย ไม่เสียภาษีเลยแม้แต่บาทเดียว
แต่ในอีกมุมนึง มันก็ไม่แฟร์กับลูกหลานที่ได้รับมรดกเช่นกัน ที่จะต้องมาเสียภาษีในราคาที่พ่อแม่ซื้อไว้ตั้งแต่แรก
ดังนั้นคุณจะเริ่มเห็นว่าทำไมคนที่มีความรู้ทางด้านกฏหมาย, ภาษี และการเงินสามารถสร้างฐานะได้อย่างรวดเร็ว ความมั่งคั่งเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนเกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายนี้หวังว่าคนที่อ่านบทความนี้ จะเริ่มแง้มกะโหลกเคาะกะลา เริ่มศึกษาเรื่องของกฏหมาย ภาษี และการเงินมากขึ้นนะครับ #นี่แหละการเบิกเนตร
[เครดิต]
เนื้อหานี้สรุปมาจาก

"สูตรคนรวยตลอดกาล ของคน 1 % ที่คน 99 % ไม่รู้" จาก พอล ภัทรพล

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ดูหัวข้ออื่นเพิ่มเติม