เกี่ยวกับคนเขียน
Naowarat

ความรู้

ความรู้

😑 ทำไม คำว่า "ระบบ" มันคือยาขมของเอเจนท์... ? เพราะตัวเลขมันไม่เคยโกหกเราไง

Naowarat
วันที่สร้างประกาศ เวลาสร้าง 19 กรกฎาคม 2566 12:20
เมื่อวีคเอนด์ เขียนเรื่อง CRM ไป หลายคนอาจบ่นว่า ทำยาก ไม่มีเวลา ไม่คุ้มที่จะทำ วันนี้เลยอยากแชร์ประสบการณ์ของตัวเองเรื่อง CRM อีกครั้ง เป็นกำลังใจ และแรงบันดาลใจให้คนที่อยากเติบโตแบบแข็งแรง

ไม่เป็นตุ่มน้ำรั่ว ทำงานได้อย่างไร้กังวล และมีทิศทาง
ภาพในโพสต์เป็นหน้าแดชบอร์ดจริงของ CRM ที่ใช้งานปัจจุบัน ใช้ได้ทั้งในคอมพิวเตอร์ และในมือถือ เพราะชีวิตเอเจนมัน on the go จะเพิ่มลูกค้าใหม่ โทรหาใคร อีเมล์ส่งออก เทคโนโลยีสมัยใหม่ มัน all in one place ได้เลย
บอกตรงๆว่า ยิ่ง features เริ่ดๆ ปัญหาก็เยอะ แต่ตัดสินใจใช้ เพราะเราไม่ได้มองที่ความสะดวกของตัวเองคนเดียว มองถึงวันข้างหน้า หากมีทีมงานเพิ่ม

เราต้องมีระบบการทำงานที่เรียบง่าย เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ใครทำอะไรอยู่ รู้เลย ไม่ต้องวิ่งไลตามกันให้เสียพลังงานทั้งคู่
เนื่องจากเคยใช้มาหลายยี่ห้อ ทั้งสำเร็จรูป และบริษัทเขียนขึ้นมา เลยรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และ CRM ที่เลือกใช้ นอกจากเก็บข้อมูลลูกค้า และบริหารข้อมูลได้แล้ว ต้อง
1. Fully Integration for leads sources
เวลาที่มี Lead จากทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Call in, Emails, Social Medias , Messengers, Comments, Website subscribers, Web Chatbotม Google reviews มันต้องเข้ามาที่เดียว เบอร์จริง อีเมล์จริงไหม

ระบบต้องช่วยเราคัดกรองได้ เพราะปวดหัว ถ้าต้องเปิดหลายแอพ และเสียเวลา ถ้าต้องติดต่อไปหาเบอร์ปลอม อีเมล์ปลอม Qualifying leads เราสามารถใช้เทคโนโลยีช่วยได้นะคะ
2. All in one Social Medias management
ต้องจัดการ Social medias post ทุกที่ ได้จากที่เดียวกัน ตอนนี้ Canva Hootsuite และบางเวปมี Ai ช่วยได้แล้ว แต่ก็ไม่อยากเปิดหลายที่ เวลาทำงาน มันควรหน้าเดียวกันจบ แถมตัวอีเมล์แคมเปญก็มีอยู่แล้วในระบบ ที่ไม่ต้องเอา MailChimp มา Plog in ให้ปวดหัว

Open rate เป็นเรื่องสำคัญ โอ๋ทำงานกับลูกค้าต่างชาติ เขาใช้อีเมล์ตลอด ส่งอะไรไปต้องสามารถดูได้เลยว่าเปิดดูหรือยัง จะได้ติดตามถูก ไม่ใช่อยู่กับความหวัง
3. Automation
เป็นคนขี้เกียจ และรู้ว่าการจะ Convert leads to sales ตามกันหลายครั้งมาก ยิ่งลูกค้าไม่รู้จักเรา อย่างน้อยๆ อาจมี 10 ครั้งกว่าจะตัดสินใจซื้อ หรือขายกับเรา ลูกค้า Overseas ติดต่อมาตอนหลับ

ใครจะรับให้ล่ะ ถ้าไม่ใช่เทคโนโลยี

คิดดูว่าเมื่อมีฐานลูกค้าหลักหลายหมื่นขึ้นไป Pitch ทรัพย์แล้วมีทักกลับมา ต้องใช้ระบบอัตโนมัติเข้าช่วย

Workflow แต่ละแคมเปญต้องทำอะไรบ้าง หลังลูกค้าลงทะเบียนเข้ามา ระยะเวลาเท่าไหร่

ถ้าจะลงนัดกับเรา ก็ควรสามารถทำได้เลยตาม time slots ใน Calendar ที่เราลงไว้ว่าว่างรับงานได้
วันนี้ไม่ได้มารีวิว CRM นะคะ แต่ที่ใช้อยู่ก็ครอบคลุมในสิ่งที่ต้องการ และเป็นหลักฐานว่า การสร้างระบบมันไม่ใช่ต้องเป็นบริษัทใหญ่ หรือทีมใหญ่เท่านั้น

เริ่มที่คนเดียวก็ได้ ถ้าจ้างแอดมิน 1 คน หมื่นกว่าบาทต่อเดือน และหากทำได้ตามที่ต้องการน้อยกว่า และไม่ต่างจาก CRM บอกเลยว่า ใช้เทคโนโลยี ถูกกว่ามาก
ไม่ได้แอนตี้มนุษย์ หรืออวยเทคโนโลยีจนลืมคน แต่คนมีศักยภาพมากกว่านั้น และ การทำธุรกิจต้อง Lean and Agile และเอเจน ต้องเป็น Tech savy Ninja พอสมควรเลยค่ะในยุคนี้
ปีนี้โอ๋อายุ 46 ปีนะคะ เป็นคนที่ไม่ใช่อายุน้อยๆ แล้ว ถ้ายังเรียนรู้เรื่องพวกนี้ และจัดการมันได้ ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครแก่เกินเรียนนะคะ
การใช้งานระบบ วันนี้เองก็ยังต้องมีคนช่วยตั้งค่าต่างๆ และบางจุดที่ยัง Error และต้องปรับจูนกันไป เวปไซด์ก็ใกล้เสร็จแล้ว ที่นาน เพราะไม่ใช่เวปแค่เอาไว้ใส่ทรัพย์เพื่อขาย

แต่เป็นเวปไซด์ที่เป็นบ้าน ไว้ต้อนรับลูกค้าและผู้มาเยือนให้รู้จักเรา เราต้องอยู่ได้เพราะมีบ้านของเราเอง ไม่ใช่พึ่งพา Social Medias ตลอดไป
ไม่มีอะไรง่ายในการลงมือทำเลยค่ะ แต่เราเห็นปลายทางของการสร้างระบบเพื่อให้ทำงานง่ายขึ้น ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น กล้ารีวิว กล้าบอกต่อ อยากซื้อ อยากฝากขายซ้ำ และนั่นมันเป็นสุดยอดปราถนาที่ทำให้ใส่พลังงานเข้าไปในทุกๆ วัน
เคยแชร์ไปก่อนหน้าแล้วว่า ค่าใช้จ่ายในการทำ Lead gen นั้นแพงมาก กว่าจะได้ลูกค้าคุณภาพ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่หลักสิบ ยี่สิบบาทต่อ Lead และการทำอะไรแบบนี้ ถ้าไม่รู้เรื่องเทคโนโลยี เราจ้างเอเจนซี่ก็ได้

แต่ฝีมือในการสื่อสาร และปิดการขายของเราก็ต้องคมอยู่เสมอ จึงจะประเมินได้ว่า จ้างเขาหา Lead นั้น เขาทำงานให้คุณได้ดีแค่ไหน ควรจะจ้างต่อ หรือพอแค่นี้ เพราะเงินหลายหมื่น ปิดไม่ได้สักเคส มันเจ็บปวด และเกิดขึ้นได้เสมอ...
โอ๋เชื่อว่า ตัวเองก็เป็นคนหนึ่งที่รับงานหลายหน้า วันๆต้องทำหลายสิ่ง การนั่งหาทรัพย์ หรือดูแลลูกค้าที่ไม่ Potential นั้น ไม่สามารถทำได้ การจัดการ และจัดลำดับคือเรื่องสำคัญ

และถ้ายุ่งขนาดนี้ Convertion rate ปิดขาย อยู่ที่ 33% ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ มีประสิทธิภาพสูงอยู่
ไม่ได้อวยตัวเอง แต่ตัวเลขมันไม่โกหก ในฐานะผู้บริหาร และเซลล์ของบริษัท ทำมันทุกอย่าง ข้อมูลช่วยให้ไม่นอยด์ เวลายุ่งมากๆ ประสาทตึง ไม่ underestimate เองด้วย เมื่อคิดลบไปเองว่า...

ฉันทำงานน้อยไปหรือเปล่า ทำไมเงินเข้าน้อย ซึ่งนำมาสู่ภาวะ ท่วมท้น Workaholic และพังในที่สุด
ในช่วงเริ่มต้น ก็แค่ต้องหา sweet spot ตัวเองให้เจอว่า รับเคส Maximum ได้เท่าไหร่ จึงจะ Keep conversion rate ให้อยู่ในจุดที่พอใจ รายได้เพียงพอ และชีวิตยังไปต่อได้

เพราะถึงจะมีเอเจนมาช่วยขายในอนาคต เราก็อาจจะต้องขายเองเพื่อ cover fix cost อยู่ดี หรือใครเถียงว่าไม่จริง? 🙂
กรณีตัวเลขมันตก เราสามารถคลิกเข้าไปประเมินตัวเองได้ว่า อะไรที่เรายังไม่ได้ทำ ขั้นตอนไหนที่หายไป และอะไรที่เรายังทำได้อีก
ตัวเลขมันไม่โกหก ขยันอัพเดทข้อมูลเถอะ ระบบจะช่วยรักษา Drama ได้ดีนักแล โดยเฉพาะนักขายพลังปรี๊ดปร๊าดอย่างเราๆ ที่ลูกค้ามาก็ดีใจ ลูกค้าหายไปก็เหี่ยวเฉา
และถ้าเต็มใจใช้ระบบช่วยงาน เราจะสงบใจขึ้นเยอะ และมีพลังเหลือเพื่อมุ่งไปข้างหน้า แทนที่จะรั่วออกไปวันๆ กับความกังวล
See you at The Top.

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ดูหัวข้ออื่นเพิ่มเติม