😑 ทำไม คำว่า "ระบบ" มันคือยาขมของเอเจนท์... ? เพราะตัวเลขมันไม่เคยโกหกเราไง
ไม่เป็นตุ่มน้ำรั่ว ทำงานได้อย่างไร้กังวล และมีทิศทาง
เราต้องมีระบบการทำงานที่เรียบง่าย เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ใครทำอะไรอยู่ รู้เลย ไม่ต้องวิ่งไลตามกันให้เสียพลังงานทั้งคู่
ระบบต้องช่วยเราคัดกรองได้ เพราะปวดหัว ถ้าต้องเปิดหลายแอพ และเสียเวลา ถ้าต้องติดต่อไปหาเบอร์ปลอม อีเมล์ปลอม Qualifying leads เราสามารถใช้เทคโนโลยีช่วยได้นะคะ
Open rate เป็นเรื่องสำคัญ โอ๋ทำงานกับลูกค้าต่างชาติ เขาใช้อีเมล์ตลอด ส่งอะไรไปต้องสามารถดูได้เลยว่าเปิดดูหรือยัง จะได้ติดตามถูก ไม่ใช่อยู่กับความหวัง
ใครจะรับให้ล่ะ ถ้าไม่ใช่เทคโนโลยี
คิดดูว่าเมื่อมีฐานลูกค้าหลักหลายหมื่นขึ้นไป Pitch ทรัพย์แล้วมีทักกลับมา ต้องใช้ระบบอัตโนมัติเข้าช่วย
Workflow แต่ละแคมเปญต้องทำอะไรบ้าง หลังลูกค้าลงทะเบียนเข้ามา ระยะเวลาเท่าไหร่
ถ้าจะลงนัดกับเรา ก็ควรสามารถทำได้เลยตาม time slots ใน Calendar ที่เราลงไว้ว่าว่างรับงานได้
เริ่มที่คนเดียวก็ได้ ถ้าจ้างแอดมิน 1 คน หมื่นกว่าบาทต่อเดือน และหากทำได้ตามที่ต้องการน้อยกว่า และไม่ต่างจาก CRM บอกเลยว่า ใช้เทคโนโลยี ถูกกว่ามาก
แต่เป็นเวปไซด์ที่เป็นบ้าน ไว้ต้อนรับลูกค้าและผู้มาเยือนให้รู้จักเรา เราต้องอยู่ได้เพราะมีบ้านของเราเอง ไม่ใช่พึ่งพา Social Medias ตลอดไป
แต่ฝีมือในการสื่อสาร และปิดการขายของเราก็ต้องคมอยู่เสมอ จึงจะประเมินได้ว่า จ้างเขาหา Lead นั้น เขาทำงานให้คุณได้ดีแค่ไหน ควรจะจ้างต่อ หรือพอแค่นี้ เพราะเงินหลายหมื่น ปิดไม่ได้สักเคส มันเจ็บปวด และเกิดขึ้นได้เสมอ...
และถ้ายุ่งขนาดนี้ Convertion rate ปิดขาย อยู่ที่ 33% ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ มีประสิทธิภาพสูงอยู่
ฉันทำงานน้อยไปหรือเปล่า ทำไมเงินเข้าน้อย ซึ่งนำมาสู่ภาวะ ท่วมท้น Workaholic และพังในที่สุด
เพราะถึงจะมีเอเจนมาช่วยขายในอนาคต เราก็อาจจะต้องขายเองเพื่อ cover fix cost อยู่ดี หรือใครเถียงว่าไม่จริง? 🙂