ความรู้

ความรู้

ส่องบริษัท (เอกชน) ที่เราทำงานอยู่ จะทำให้กู้บ้าน/คอนโดผ่านมากน้อยแค่ไหน?

วันที่สร้างประกาศ เวลาสร้าง 17 มิถุนายน 2567 10:10
รู้ไหมว่าต่อให้เป็นพนักงานบริษัทหรือมนุษย์เงินเดือน ก็ใช่ว่าจะกู้บ้านหรือคอนโดง่ายกว่ากลุ่มฟรีแลนซ์หรืออาชีพอิสระเสมอไป นั่นก็เพราะว่าต่อให้เป็นบริษัทเอกชนก็มีปัจจัยสำคัญที่ธนาคารจะมองว่าควรอนุมัติให้ผ่านหรือไม่ ยิ่งช่วงนี้ปี 2024 มีความเข้มงวดในการกู้ขอสินเชื่อมากขึ้น ดังนั้นมาลองดูกันว่าเรื่องไหนบ้างของบริษัทที่จะถูกนำมาพิจารณา
► ขนาดบริษัทมีผลต่อการกู้บ้าน/คอนโด
สำหรับใครที่กำลังจะกู้บ้านกู้คอนโด และทำงานอยู่ในบริษัทขนาดใหญ่ชั้นนำ หรือแบบเป็นมหาชน หรือมีชื่อเสียงในทางที่ดี พูดง่ายๆ ว่าเป็นบริษัทที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป จะมีเปอร์เซ็นต์ผ่านได้ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันหากเป็นบริษัทขนาดเล็กหรือบริษัทที่เพิ่งเริ่มก่อตั้ง หรือมีจำนวนพนักงานน้อยแบบ 10 คน และยิ่งไม่เป็นที่รู้จัก ก็จะถูกตรวจสอบนานหน่อยว่าเป็นบริษัทเกี่ยวกับอะไร แต่นี่เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้นเพราะขนาดบริษัทจะถูกเชื่อมโยงในข้อถัดไป
► ทิศทางบริษัท
คราวนี้สิ่งที่ธนาคารจะมองต่อคือทิศทางของบริษัทนั้นๆ ว่ามีความมั่นคงมากแค่ไหน เราจึงต้องรู้ว่าบริษัทที่ทำอยู่นั้นกำลังมีรายได้และมีกำไรไปในทิศทางที่ดีไหม รวมถึงการวางแผนเป้าหมายในอนาคตขององค์กร เพราะต่อให้เป็นบริษัทใหญ่แต่ช่วงที่เรากำลังจะกู้ซื้อบ้าน/คอนโด เกิดมีปัญหาขึ้นมาอย่างเช่นการขาดทุนหนัก หรือมีการเลย์ออฟพนักงาน โอกาสที่ธนาคารจะรีเจ็กต์ก็มีเหมือนกัน
► บริษัทจ่ายแบบ Payroll ไหม?
ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อนตอนเรากู้ซื้อบ้านครั้งแรก เจ้าหน้าที่แจ้งว่าบริษัทที่ทำอยู่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนแบบ Payroll ทำให้เป็นส่วนหนึ่งในการกู้บ้านไม่ผ่าน ซึ่งคำนี้ถ้าอธิบายแบบย่อๆ คือ เป็นระบบจ่ายเงินเดือน ที่คำนวณรวมทั้งภาษี โอที ประกันสังคม อื่นๆ และนำเงินเข้าบัญชีพนักงานของแต่ละคนอัตโนมัติ โดยจะมีโค้ดแตกต่างจากโค้ดการโอนเงินตามปกติ

ซึ่งการจ่ายแบบ Payroll จะมีน้ำหนักและประสิทธิภาพในการรับเงินเดือน มากกว่าจ่ายผ่านการโอนปกติ ที่อาจถูกมองว่าสร้าง Statement ขึ้นมาเองก็เป็นได้ อีกทั้งการโอนปกติมักจะเป็นบริษัทขนาดเล็กที่ทำแบบนี้อยู่ จึงทำให้กู้ผ่านค่อนข้างยาก
► สวัสดิการที่เกี่ยวกับเม็ดเงิน
บริษัทไหนให้สวัสดิการเยอะนั่นแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงทั้งของบริษัทและของพนักงาน ไม่ว่าจะเป็น ประกันสังคม ประกันสุขภาพ โดยเฉพาะถ้ามีการปรับขึ้นเงินเดือน โอที ค่าคอมมิชชัน โบนัสประจำปี รวมถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ยิ่งสร้างความเป็นไปได้ในการกู้บ้านหรือคอนโดผ่าน และหากใครที่ได้สิ่งเหล่านี้เป็นประจำทุกปีนานหลายปี ยิ่งทำให้ธนาคารเห็นถึงความมั่นคงทางการเงินมากกว่าเดิม
► บริษัทที่ทำ MOU กับธนาคาร
ความจริงแล้วเรื่องนี้ก็อยู่ในส่วนหนึ่งของสวัสดิการ แต่ขอเขียนแยกต่างหากเพื่อความชัดเจน ซึ่ง MOU ที่ว่า คือการที่บริษัททำสัญญาร่วมกับธนาคาร เป็นกลุ่มลูกค้าสวัสดิการสินเชื่อ ส่งผลให้พนักงานที่ทำงานในบริษัทนั้นได้รับผลประโยชน์ในแง่การอนุมัติกู้ขอสินเชื่อผ่านง่ายขึ้น รวมถึงการได้ดอกเบี้ยพิเศษ กับธนาคารที่ทำ MOU ร่วมกับบริษัทโดยตรง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่แต่ละบริษัทและแต่ละธนาคารกำหนด
Photo credit by : bangkokbank, bank.kkpfg
เชื่อเถอะว่าปัจจัยที่เอ่ยมาเหล่านี้จะถูกนำมาประกอบการพิจารณาในการกู้ขอสินเชื่อบ้าน/คอนโด ดังนั้นใครที่กำลังอยากได้ที่อยู่อาศัยใหม่ อาจต้องมองดูก่อนว่าบริษัทที่เราทำงานอยู่นั้นเป็นยังไงบ้าง แต่ก็อย่าลืมดูเรื่องสำคัญอื่นๆ อย่างเรื่องรายรับและหนี้สินประกอบควบคู่กันไปด้วย

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ดูหัวข้ออื่นเพิ่มเติม