เกี่ยวกับคนเขียน
Naowarat

ความรู้

ความรู้

จำเป็นไหมคะ... ที่เราต้องเป็นนักขายอสังหาฯพันธุ์ดุ วิ่งสู้ฟัดเท่านั้น ที่จะระเบิดยอดขายหลายร้อยล้านได้? เวลาขายอสังหาฯ มีแต่ลูกค้ารวยๆ เราต้องดูเฉียบ ฉลาด แบบ กริบ เท่านั้น จึงจะอยู่ได้?

Naowarat
วันที่สร้างประกาศ เวลาสร้าง 17 พฤศจิกายน 2565 13:09
คำตอบคือ ไม่จำเป็นเลยค่ะ

มนุษย์เรามีหลายบุคลิก และบุคลิกภาพแต่ละแบบก็สามารถสร้างความสำเร็จได้เหมือนกัน หากรู้วิธีใช้สิ่งที่ตัวเอง “เป็น” ให้เกิดประโยชน์ และเป็นผู้เชี่ยวชาญในสไตล์ของตัวเอง
มีเรื่องจะเล่าให้ฟังค่ะ

โอ๋นับว่าตัวเอง เป็นลูกค้าที่มีความยากคนหนึ่งค่ะ ด้วยบุคลิกภายนอก เวลาหน้านิ่งๆ แล้ว คนไม่รู้จักจะคิดว่า ดุ หรือ พร้อมมีเรื่อง หากพูดไม่ถูกหู เวลาตัดสินใจซื้อของ จะเต็มไปด้วยเหตุผล ซื้อยาก

เพราะติดนิสัยระมัดระวังการใช้เงิน คนขายของพูดไม่รู้เรื่อง หรือเดินตามจนน่ารำคาญ ไม่ได้กินเงินดิชั้นแน่ๆ และร้านรวงใหญ่โตกว้างขวางน่ะเหรอค่ะ ก็ยากอีกค่ะ เพราะของยิ่งเยอะ ยิ่งละลานตา สมองไม่สั่งการให้เลือกซื้อ

แล้วเราในฐานะนักขาย เราจะ "เข้าถึง " ลูกค้าสไตล์นี้ได้อย่างไร?

เมื่อวันก่อนไปเดินเล่นร้านรองเท้ากีฬา เพราะชอบวิ่ง แต่ไม่เคยคิดลงแข่งรายการใดๆ ขณะนั้นไม่มีแผนจะซื้อ เพราะคู่เก่าเพิ่งพังไป และอกหักที่ซื้อมาราคาไม่เบา แต่มันอ่อนแอเหลือเกิน เจอฝน เจอการซักไปไม่กี่ที ต้องลาจาก

แถมซ่อมไม่ได้อีกต่างหาก ทำให้เข็ดขยาดการซื้อรองเท้าวิ่งสายแฟ ที่แพ้น้ำมาพักใหญ่

น้องผู้ชายคนขายที่ร้านรองเท้า ท่าทางเหนียมอาย รูปร่างผอมๆ ไม่มีความเป็นนักกีฬาอะไรสักนิด พูดเสียงเบาๆ ยืนมองอย่างใจดี พร้อมให้ความช่วยเหลืออยู่ห่างๆ เมื่อเห็นลูกค้าท่าทางเปรี้ยว ดุ เข็ดฟัน ยืนจ้องมองรองเท้าสีจี๊ดตัวท๊อป ชั้นบนสุด

“ ลองได้นะครับพี่ เดี๋ยวผมหาเบอร์ให้ ” น้องคนขายใจดี เข้าใจลูกค้านักวิ่งที่ต้องลองให้แล้วใจก่อนตัดสินใจซื้อ

“ ไม่อยากลองเลยค่ะ กลัวใจอ่อน ราคาจี๊ดมาก” ฟังดูเป็นเหตุเป็นผลนะคะคุณลูกค้าน่ะ อยากได้จะตาย แต่กำลังทะเลาะกับตัวเองอยู่ ไม่นะ ไมซื้อ ไม่ได้อยู่ในแพลน อย่าซื้อนะ!
“ลองหลายแบบก็ได้ครับ ราคาแตกต่างกันก็ได้ ถ้าสบายใจ ซื้อตัวที่ราคาเบาหน่อยก็ได้ครับพี่” หนุ่มคนขาย ยิ้มให้ พร้อมเสียงพูดหงุ๊งหงิ๊งๆ แล้วเดินไปหยิบรองเท้ามาให้ 3 คู่ 3 ราคาตามที่ขอ

หลังจากสวมใส่ โดดๆ วิ่งๆ อยู่พักหนึ่ง แน่นอนล่ะค่ะ ว่าสินค้าก็ทำงานด้วยตัวมันเอง ถึงราคาจะต่างกันถึง 30% ตัวเองก็พบว่า ไม่สามารถพาเท้ายัดเข้าไปในรองเท้าพื้นแข็งๆ หัวบานๆ ทรงน่าเกลียด ที่ราคาถูกกว่านั่นได้

แต่ด้วยเหตุผล และตรรกะทั้งปวง จึงยังลังเลว่าจะรับน้อง Limited edition นี่กลับบ้านไปวันนี้ดีไหม หรือยื่นคืนกลับให้คนขาย แล้วเดินออกจากร้านดี

“วันนี้ลด 10% ครับพี่ ลดแล้วราคาต่างจากตัวรองท๊อปตอนราคาปกติเลยครับ ได้ของถูกใจ ใส่ๆไปก็ไม่รู้สึกเสียดายแล้วครับพี่ สีนี้เป็นลิมิเต็ดครับ เหมาะกับสไตล์พี่เลย” แหม่ เห็นงุ๊งๆหงิ๊งๆนี่ ช่างสังเกตอาการลูกค้า และรู้วิธีคุยให้ได้ใจลูกค้าซะนี่กระไร

“ช่ายค่ะ แต่พี่วิ่งแค่สวน ไม่ลงแข่งใดๆ ราคารองเท้ามันไม่สอดคล้องกับความเร็วที่วิ่งเลยค่ะ” นั่นแน่ ลูกค้ายังพยายามมีเหตุผลอีกค่ะ

และเป็นความจริงเสมอที่ว่า "ไม่เหตุผลและตรรกะใด จะสามารถเอาชนะอารมณ์และความรู้สึกได้"

“ แหะๆ พี่เหมือนผมเลยครับ ไม่เน้นสปีด เน้น gadget ครับ พวกเราวิ่งเอาสนุก มีของสวยๆ ไว้สร้างแรงบันดาลใจให้ออกวิ่ง ผมว่าสีนี้เหมาะกับพี่มากเลยครับ unique ดี” แล้วน้องเค้าก็หยุดค่ะ ไม่ force ไม่ผลักดันอะไร

ทั้งๆที่มันก็มาถึงขอบแล้ว แต่เขาเลือกไม่ผลักดันลูกค้า กลับปล่อยให้ลูกค้าอยู่กับตัวเอง และมีโอกาสเลือกที่จะไม่ซื้อก็ได้ซะงั้น

หนุ่มเสียงเบา หันไปดูแลลูกค้าคนอื่นต่อ ปล่อยให้ดิชั้นอยู่กับน้องร้องเท้า แสนสวย ที่อ้อยอิ่ง เว้าวอน และกำลังร้องตามกลับบ้านอย่างหนักหน่วงเพียงลำพัง!

“ เคครับ พี่เอาคู่นี่แหละ แถมอะไรมั่ง” ถามไปงั้นล่ะค่ะ เดินไปที่ชั้นขายโฟมทำความสะอาด กวาดลงมาใส่ตะกร้าเองอีก 2-3 กระป๋อง ไม่ค่ะ จะไม่ซักน้ำอีกต่อไป เดี๋ยวน้องพัง รองเท้าสีสวยแล้ว ถุงเท้าต้องเข้ากัน คู่ละเท่าไหร่ไม่ได้ดูละค่ะ คิดเยอะเดี๋ยวไม่จบ หยิบๆ กวาดๆลงมาแบบไม่ได้นับ 😁

ว่าจะไม่ซื้อๆ วันนั้นก็หมดไปมากมายแบบไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์เหมือนลูกค้ามาเดินดูคอนโดเล่นๆ สุดท้ายซื้อเพนท์เฮ้าส์ไปสองห้อง เพราะสบายใจกับเซลและบรรยากาศ มันก็จะเป็นแบบนี้ล่ะค่ะ ❤️🔥

ไม่จำเป็นต้องเฉียบ ก็ปิดแบบเรียบๆ และยอดไม่เงียบได้นะจ๊ะ

จากเรื่องนี้ เพื่อนๆ คิดว่าน้องคนขายเขาใช้เทคนิคอะไร กับคนซื้อตรรกะจัด และขี้กังวลแบบโอ๋ในการปิดการขายคะ?

ทำไมลูกค้าจึงรู้สึกสบายใจที่จะคุยกับเขา ทั้งๆที่เขาไม่ได้มีบุคลิกนักกีฬา หรือท่าทางแบบผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญแต่อย่างใด?
ถ้าสนใจอยากรู้ กระบวนการเข้าถึง และครองใจลูกค้า ด้วย New Paradigm ใหม่ ที่ไม่ใช่แค่สคริป การท่องจำ การอธิบาย หรือแค่หาเหตุผลไปโต้เถียงลูกค้า โดยใช้การจัดการข้อโต้แย้งแบบเดิมๆ ซึ่งกระบวนการแบบใหม่นี้ จะทำให้ชีวิตการทำงานของคุณง่ายขึ้น เป็นอิสระ จากวงจรอุบาทว์ Chase Convince and Closing ก็ขอเชิญมาพบกันในคอร์สนี้เลยค่ะ

Kickstart for Success Plus by RE/MAX PARTNERS 3 วันเต็มอิ่ม เรียนเต็มวัน อาหาร กาแฟ พร้อม! 20,21,22 มกราคม 2566 ที่ Double Tree by Hilton

เรียนแล้วมี Certificate จาก RE/MAX Thailand ให้ด้วย พร้อมคลาสออนไลน์บันทึกให้เรียนย้อนหลังอีก 3 เดือน และสิทธิการเป็น Member กับ RE/MAX PARTNERS สามารถเข้าประชุมวิชาการ พัฒนาความรู้ประจำเดือนเฉพาะสมาชิก เพื่อพัฒนาให้เป็นมืออาชีพในระดับสากล เต็มๆ อีก 1 ปีเต็มค่ะ

บัตร Early Birds ยังมีจำหน่านที่ราคา 15,900 บาท จากปกติ 18,900 บาท

จองด่วน ชำระเงินมายังบัญชี น.ส. เนาวรัตน์ ปิ่นมณี ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 216-222458-4

จากนั้น แนบสลิป พิมพ์ชื่อ สกุล เบอร์โทร สังกัด พร้อมเขียนความตั้งใจที่อยากได้จากคอร์ส แล้วกดส่งอีเมล์มาที่ naowarat@remax.co.th

จะได้มาทำความรู้จัก New Paradigm ในการครองใจลูกค้า ที่มากกว่าจัดการข้อโต้แย้งแบบเก่าๆ เพื่อพัฒนางานนายหน้าของคุณ ให้เติบโตไปอย่างก้าวกระโดด

แล้วพบกันค่ะ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ดูหัวข้ออื่นเพิ่มเติม