จากเฟรนช์ฟราย 89 บาท! สู่กลยุทธ์การขายที่เพิ่มกำไรได้เป็นเท่าตัว?
มันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องเงินแต่มันคือบทเรียนทางจิตวิทยาการใช้จ่ายที่นักขายตัวจริงควรเอามาใช้
เหตุการณ์นี้เราได้เห็นถึงวิธีการเพิ่มยอดขายของทางร้านและเราจะมาพูดถึงกลยุทธ์การขาย ที่สามารถทำกำไรให้กับธุรกิจได้มากขึ้น
เมื่อเราขายสินค้าเราก็ต้องทำการตลาด เมื่อใดมีลูกค้าถามสินค้าผ่าน Inbox หรือหน้าร้านนั่นหมายความว่าการตลาดทำงานของมันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เราจะทำอย่างไรให้ปิดการขายได้ แล้วระหว่างที่เรากำลังปิดการขายต้องทำอย่างไรให้เพิ่มยอดขายได้อีก
วันนี้เรามาเรียนรู้ 3 กลยุทธ์ การคุยผ่าน inbox หรือหน้าร้านเพื่อเพิ่มยอดขายกัน
คืองี้... จิตวิทยาของการใช้จ่ายนั้น เมื่อบาทแรกออกจากกระเป๋าตังแล้ว บาทที่สองจะออกง่ายขึ้น
1. Up Selling - จากเฟรนช์ฟรายธรรมดา สู่แพคสินค้าไซส์ใหญ่ที่เต็มมือ
เช่น แมคโดฯ เสนอการอัพไซส์เฟรนซ์ฟรายและโค้ก
ซื้อไอโฟนแล้วมีการเสนอขายเพิ่มความจุที่มากขึ้น
แล้วคุณหมอพยักหน้า... มันคือ Cross Selling ที่ปิดได้โดยไม่รู้ตัว
เช่น ซื้อไอโฟน - แล้วมีการเสนอขาย ฟิล์มกระจกกันรอย
ซื้อกล้องโกโปร - แล้วมีการเสนอขายไม้เซลฟี่
ซื้อกาแฟ - มีการเสนอขายวิปครีมเพิ่ม
ขนมจีบ - ซาลาเปา ใน 7-11
หลักคือการขาย "ความสะดวก" และประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น เพราะคนพร้อมจ่ายเพื่อ “ครบเซ็ต” และการขายแค่ชิ้นเดียว = พลาดโอกาสได้มากกว่าครึ่ง
ลูกค้าเก่า = ต้นทุนต่ำ = กำไรงอกแบบยั่งยืน
คือเราต้องติดตามการใช้บริการของลูกค้า Tracking พฤติกรรมของลูกค้า พร้อมทั้งเสนอขายสินค้าราคาพิเศษ หรือโปรโมชั่นอื่นๆให้กับลูกค้าเก่า เพราะการขายไม่ได้จบที่การขายได้ การขายได้มันเป็นกระบวนการเริ่มต้นเท่านั้น
-การทำบัตรสมาชิก
-บัตรสะสมแต้มเพื่อแลกของ
-การกำหนดยอดสั่งซื้อ เพื่อรับรางวัลบางอย่าง
-การสะสมไมล์ ของธุรกิจสายการบิน
Up Selling - การเสนอขายที่นั่งพิเศษ หรือการอัพเกรดที่นั่ง
Cross Selling - การเสนอขายป็อบคอร์นหรือเครื่องดื่มเพื่อรับชมภาพยนตร์
RP - การทำบัตร M-Cash ของเครือเมเจอร์