“ลูกค้าที่เป็นพิษ” Manipulative Clients! 🤭

คาดว่าทุกคนคงเคยเจอลูกค้าประเภท คุยใหญ่ คุยโตว่ามีเงินจะซื้ออสังหาฯ แต่พอจะ Prove ว่ามีเงินพร้อมซื้อ ก็โยกโย้ หรือทำเป็นเงียบไป

เวลาผ่านไปก็กลับมาคุยอีก โดยที่ไม่ต้องตาม follow up เหมือนเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับเรา

ชอบถามว่าจะลงทุนกับทรัพย์ไหนดี แต่พอแนะนำไปด้วยเหตุและผลตามแผนที่เขาต้องการ ก็กล่าวอ้างไปถึงทรัพย์อื่น ทำเลอื่นที่ไม่ตรงกับที่เริ่มไว้อีก พฤติกรรม

“บิน” ไปเรื่อยๆ เหมือนเด็กที่พยายามเรียกร้องความสนใจ ในคราบผู้ใหญ่ตัวโตๆ

จะบอกให้ว่าอาชีพที่ถูกดึงดูดจากคนโรคจิต (Psychopath) มากที่สุด คือ CEO และ Real Estate Agent

อะไรที่ทำให้เข้าใกล้ของแพง ของยาก ของสำคัญ มันดึงดูดใจคนพวกนี้สุดๆไปเลย!

ไม่ผิดอะไรถ้าเขาจะป่วย คนป่วยก็ซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ แต่ไม่ใช่ผลาญเวลาและพลังงานของเรา เพื่อสนองความสนุกจากอาการเจ็บป่วยที่ควบคุมไม่ได้ของเขา

ต้องแยกให้ออกระหว่างคนที่จะซื้อจริงๆ แต่อยู่ในระหว่างการเลือก ยังต้องการข้อมูลประกอบการตัดสินใจ หรืออยู่ในกระบวนการที่กำลังก้าวข้ามสะพานแห่งการตัดสินใจ

ที่ต้องใช้ทักษะการสนทนาและการปิดขายเข้าช่วย กับ ผู้ป่วยโรคจิต ที่กำลังสนุกกับการปั่นหัวคุณ ย้ำอีกครั้งนะคะ ทักษะการเจรจาต่อรอง เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเรียนรู้ไว้ใช้รับมือกับมนุษย์ทุกประเภท!

การทำงานฝั่งผู้ซื้อ จะพบได้บ่อย ต่างชาติจะมีเยอะ เพราะสภาวะสังคมที่เติบโตมาแบบกดดัน ชีวิตมันยาก เสี่ยงเป็นโรคทางจิตได้ง่ายจากการเลี้ยงดูและการใช้ยาเสพติด

อาชีพเรา Follow up ลูกค้ากันเป็นปีๆ เป็นเรื่องปกติ แต่คนไม่ปกติ เราต้อง detect ให้ได้ไวๆ ถ้าไม่มี Timeline,Inquiries ไม่ชัด ถามแล้วตอบไม่ตรงคำถาม

ขอประเด็นนี้ ปูดไปอีกประเด็น คุยแล้วไม่มองหน้า มือไม้สั่น เล็บมือเล็บเท้าไม่สะอาด ปากซีดๆ พูดรัวๆ เหมือนตื่นเต้นตลอดเวลา เหงื่อแตกผิดปกติ รูม่านตาหด หรี่ตาแม้อยู่ในร่ม อาการเหมือนคนใช้ยาเสพติดเป็นประจำ ให้ระวัง

บางคนไม่ได้มีอาการผิดปกติ ที่จะทำร้าย แต่ถ้ารู้ตัวว่าเขากำลังปั่นหัวเรา เราต้องมีขอบเขตให้เขา

เคยมีเคสต่างชาติติดตามมาจากโซเชี่ยลมีเดีย อยากให้เป็น Buyer representative แต่พอรู้ว่าไม่แพร่หลายในเมืองไทย ก็หาวิธีเซฟเงิน โดยใช้วิธีแอบถามแบบไม่เป็นทางการ

พอเราตอบแบบเป็นทางการ ยิ่งสนุก ได้ใจ เหมือนได้หลอกใช้เราฟรีๆ พอโทรมาแล้วรู้ว่าเราประชุม แต่ยังคุยได้สั้นๆ เพราะเห็นว่าเขาเป็นลูกค้า เขายิ่ง proud เหมือนเขาเป็นคนสำคัญ

เขาเป็นโดยที่ไม่รู้ตัวหรอกค่ะ จึงไม่ได้โกรธเกลียดเขา และถ้าเขาไม่ป่วย ก็คงไม่มีพฤติกรรมแบบนี้

เคสนั้น หลังจากที่คุยเป็นครั้งคราวมาสองสามเดือน บางทีพิมพ์มาเป็นหน้าๆ เพื่อให้ดูฉลาด ข้อมูลแน่น แต่ไม่ไป ไม่มา การสนทนาพาวน เลยกลับไปที่ Offer แรกว่า

“ฉันมั่นใจว่า ฉันได้ให้บริการเบื้องต้นเป็นอย่างดีกับคุณโดยไม่คิดค่าบริการมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคุณยังไม่มีระยะเวลาที่ชัดเจนในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ตอนนี้ ถ้าคุณยังต้องการให้ฉันเป็นที่ปรึกษา

และค้นหาทรัพย์ให้เพื่อเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ หรือพาชมและต่อรองราคาหลังจากนี้ ค่าบริการของฉันคือ …. ในระยะเวลา ตั้งแต่ …-… หากคุณตกลงให้ฉันดูแลคุณต่อ กรุณาโอนเงินเข้าบัญชี…. และแนบสลิปกลับมาด้วย ขอบคุณค่ะ”

เป็นวิธีจัดการลูกค้าเป็นพิษที่อยู่หมัดพอสมควรค่ะ นิ่งสนิทเป็น Hand break เลยทีเดียว