feature
icon   146

ติดตาม

icon   0

กำลังติดตาม

icon   181

โพสที่สร้าง

แชร์ประสบการณ์

Pre inspection, วิเคราะห์ customer persona เตรียมจัดการข้อด้อย และผลักดันจุดเด่นของทรัพย์ ก่อนนำเข้าตลาด

วันนี้มา Pre inspection คอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทรัพย์ในฝันของคนอยากมีบ้านริมน้ำ ลมเย็น นั่งชิลที่ริมระเบียง

กำลังอยู่ในระหว่างทำการบ้านเพิ่ม เพื่อแนะนำราคาขาย และแผนการตลาดอยู่ค่ะ

ห้องสวย พื้นที่กว้าง เป็น River front unit ที่ใกล้น้ำมากที่สุด จากระเบียงห้องถึงท่าน้ำ ประมาณ 50 เมตรเอง

ระเบียงกว้าง ราคาไม่แรง และดูโปร่งโล่งกว่าตึกสูงใกล้เคียงที่ระเบียงเป็นแบบคอนกรีตทึบ ที่ในไซส์ใกล้กันต้องมีติดกระเป๋าก่อนเข้าชม เกือบๆ 30 ล้านค่ะ

เห็นของแล้วก็พอมอง customer persona ออกได้ว่าน่าจะเป็นใคร
main-image
profile-avatar
Naowarat 3 ปีที่แล้ว
ความรู้

ประสบการณ์ปิดเช่า เคสช่างติ ช่างต่อ 🤗🦋 กับฝรั่งหล่อ ต่อแหลก ติกระจุยไปเลยจ้า 😄💋

จากที่ทำคลิปไปวันก่อน เรื่องรับมือกับลูกค้าต่อหนัก ทำอย่างไร? ซึ่งได้แนะนำบทสนทนา 'ขอตัวเลขใหม่' จากผู้เช่าเพื่อไปคุยกับเจ้าของได้ง่ายขึ้น

และมีคำถามจากคลิปว่า "...แล้วถ้าลูกค้ายังยืนยันจะเอาราคานี้ ทั้งที่เจ้าของไม่น่าจะให้ หรือให้ยาก เราจะไปต่ออย่างไรดี?" ขอเล่าเป็น case study สนุกๆแบบนี้ก็แล้วกันค่ะ 🦋

สมัยสาวๆ ทำเช่าเยอะค่ะ ผู้เช่าฝรั่งหล่อนี่ พาเดินขึ้นลงตึกทั้งวัน ทำเยอะแต่ไม่เคยได้ลูกค้าเป็นแฟนเหมือนเพื่อนคนอื่นเลยค่ะ งงใจเหมือนกัน 😄 แต่โชว์ห้องคุยกันหนุงหนิง ก็สนุก ชื่นใจดี 😄

เคสนี้ ลูกค้าหล๊อหล่อ สูงใหญ่ ใจระทวยจากประเทศอังกฤษ แต่ขี้ติ ขี้ต่อชะมัด ดูสามตึก สิบสองห้องต่างทิศ ต่าง layout ติหมด ไม่มีอะไรชอบซักอย่าง ตามงบประมาณและสเปกที่ให้ ละเอี๊ยด ละเอียดจนความคิด อยากจะจีบมาเป็นแฟนหดหาย เพราะฮี ช่างติ ระดับไมโครสโคปจนน่ากลัว

สมัยนั้นก็ใจสู้ค่ะ ห้องงบสองหมื่น ใจสู้แบบร้อยล้าน 😄 สิบสองห้องไม่ได้ ไปสิบสามละกัน ชักกระบี่แล้วต้องได้ดื่มเลือด Top sale ไม่เคยกลับบ้านแบบไม่มียอด

ลูกค้าไปเริ่มถูกใจบ้างในห้องที่ 19 ของตึกที่แปดในวันนั้น และต่อหนักแบบโทรไป เจ้าของต้อง " ตบ" เอเจนกระเด็น กลับมาทางสายโทรศัพท์แน่ๆ 😄

อยู่ด้วยทั้งวัน จนสนิทกันแล้วนี่ " ยูว์ ไม่ต้องต่อหรอก ไอโดน ตบ กลับมาแบบไม่ใช่แค่ตำหนิแน่ๆ กลับบ้านกันเถอะ ไอไม่มีอะไรจะให้ยูว์ดูแล้ว"

เห็นเอเจนหน้ามุ่ย หลังชนฝา หมดท่าจริงๆ ลูกค้าก็สงสาร " โอเค คุณโอ๋ จริงๆห้องที่ต่อน่ะ ก็ไม่ได้อยากได้ร้อยเปอร์เซนต์หรอกนะ แต่เพราะจำเป็นต้องย้ายในสองสามวันนี้แล้ว ดูมาจนหมดแล้ว ถ้าจำเป็นต้องอยู่ห้องนี้จริงๆ ผมก็ต้องชดเชยด้วยการได้ราคาถูกจริงๆ ไม่งั้นผมก็รู้สึกแย่ ที่ต้องจ่ายมาก กับห้องที่ไม่ตรงตามความต้องการ..." 😔

โอ๊ย...น่าสงสาร หล่อและเปิดเผยความจริงใจ ตอนนี้น่าตีน้อยกว่าตอนเอาตลับเมตรมาวัดขนาดห้องรับแขก เอานิ้วปาดมู่ลี่ และมุดดูใต้ซิงค์ครัวทุกห้องจริงๆ 😄

เพราะเขาตัวใหญ่ 2เมตรน่ะ และชอบทำกับข้าวกินเอง กลัวน้ำรั่วใต้ซิงค์ กลัวMSG กลัวแมลงสาบและสารกันบูดเป็นที่สุด ห้องรับแขกกว้างและโซฟาตัวใหญ่ L shape จึงเป็นเรื่องสำคัญ แล้วมันจะมีให้เรอะ ใน 1 นอน 2 หมื่นกลางเมืองน่ะ ตึกใหม่ห้องก็เล๊กจุ๊กลุ๊ก ห้องใหญ่ตึกก็เก่าจนมีกลิ่นเหม็น 😄 ลูกค้าดิชั้น แสง สี เสียง กลิ่น ผิวสัมผัส แกเซ็นซิทีฟหมดเลย ชีวิตย๊าก ยาก 🤪 จนไม่อยากได้มาเป็นแฟน

แต่เอเจนก็คือเอเจนค่ะ มีอาวุธลับและไม่เคยจนมุมจริงๆหรอก

" นี่..ยูว์มันเย็นมากแล้วล่ะ แต่มันมีอีกห้องนึงที่ไอไม่ได้โชว์ ซึ่งมันตรงกับความต้องการของยูว์เป๊ะๆเลย แต่ราคามันสามหมื่นนะ ไอลังเลตั้งแต่บ่ายแล้ว ว่าจะพาไปดูดีไหม เพราะเกินงบไปเยอะ ห้อง 65 ตรม. เจ้าของตั้งราคา 30,000 มันสวยตรงกับที่ยูว์ต้องการทุกอย่าง..... ยกเว้นราคา"

" ไหนๆ ดูหน่อยสิ " พอส่งรูปให้ดู เขาบอกว่า "ใช่เลย แบบนี้เลย ตึกนี้เลย พาไปดูหน่อย"

เอเจนคนเก่งที่มีทั้ง ความเหนื่อยล้าของตัวเองและลูกค้า 😄 ความรีบร้อน(urgency) ความต้องการ(need) ของลูกค้าอยู่ในมือ ก็ตอบลูกค้าว่า
" มันหกโมงกว่าแล้ว ถ้าเราจะดู ไอจะต้องไปเอากุญแจที่ออฟฟิศ เพราะเขาฝากเราดูแล แต่มันเกินเวลางานของทุกคนแล้ว และยูว์คงไม่เช่าหรอกราคานี้ เกินมาตั้งหมื่น มันเสียเวลา เรากลับบ้านกันเถอะ" 😎 นี่ยัดเกลือ เข้าปากม้าซะเลย 😘 อยากเรอะ? ไม่พาไปดูหรอก ...

" ไม่ โอ๋ เราต้องดูวันนี้แล้ว ผมไม่มีเวลาแล้วล่ะ เดี๋ยวซื้อแซนวิชกับกาแฟให้กินแก้หิวนะ ไปเอากุญแจกัน ผมขอโทษที่เรื่องมาก และคุณอดทนกับผมมากจริงๆ ขอบคุณที่เข้าใจ ห้องนี้สวย ถูกใจที่สุด จริงๆอยากได้ห้องนี้ จากในเวปไซต์แล้ว แต่ติดเรื่องราคา ปีนี้อยากจ่ายน้อยลงสักหน่อย แต่ถ้ามันไม่มีอะไรที่ใช่จริงๆ ผมก็ไม่อยากทรมานตัวเองอยู่ในที่ที่ไม่อยากอยู่..."

โอ๊ย...ฟังแล้วอยากจะกรี๊ด...ทำไมไม่บอกช้านตั้งกะเช้า ปุเลงๆทั้งวันจนจะแต่งงานกันอยู่แล่วเนี่ย 🤣🤣🤣

จริงๆ ห้องแสนสวยเนี่นมันว่างมาหลายเดือนแล้วล่ะ เจ้าของบอกว่า 25-28k ให้มันจบ ก็เอาละ

ไปถึงตึกก็มืดแล้ว เปิดประตูห้องปั๊บ ลูกค้าตาเป็นประกาย " Yes! This is what I want." แล้วกระโดดขึ้นเตียงส่งตาหวานมาให้เอเจน แต่ไม่วายต่อมาอีกหน่อยพอเป็นพิธีให้เข้าล๊อก " 28k 2 years? If yes, I transfer money now!" 🤣🤣🤣🤣

คนสวย ฉลาด ก็ทำทีเป็นกดโทรศัพท์เล็กน้อย แล้วก็ พยักหน้าชักใบจองออกมาสิคะ รออะไร 😘😘😘

มื้อนั้นไม่ได้กินแค่แซนวิชค่ะ ลูกค้าถูกใจห้องและถูกใจเอเจน พาไปกิน dinner มื้อใหญ่สมนาคุณ Best agent in town ของฮี 💕 อยากรู้ว่าเกิดอะไรต่ออ่ะดิ ไม่เล่าหรอก ให้รู้แค่นี้พอ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา 😎

เพื่อนๆ อ่านแล้ว ได้เรียนรู้อะไร เม้นท์บอกกันได้ที่ด้านล่างนี้เลยนะคะ 😘😘😘
main-image
profile-avatar
Naowarat 3 ปีที่แล้ว
ความรู้

เจอลูกค้าแบบนี้ ควรดีใจ หรือ เอะใจ "เราเช่ายาวแน่นอน เซ็นสัญญา 2-3 ปี ลดได้เต็มที่เท่าไร"

สวัสดีวันจันทร์ค่ะ เพื่อนเอเจน 💕

สายเช่า คงเจอบ่อยนะคะ ช่วงนี้คอนโดมิเนียมปล่อยเช่ายากเหลือเกินผู้เช่าคุณภาพก็มีน้อย เจ้าของทรัพย์ก็ต้องลดราคากันกระหน่ำหนีตาย บางที่ ลดมากกว่า 50% ไปเรียบร้อยแล้วก็มี

สัญญาเช่าปีต่อปี การลดราคาแก้ปัญหาชั่วคราวของปีนี้ ก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าเราเจอลูกค้าบางคน อยากได้ค่าเช่าถูกมากๆ เจ้าของก็อยากปล่อยแหละ เสนอว่าจะเช่า 2 -3 ปี เพื่อดึงดูดใจเจ้าของ ที่ไม่อยากกังวลหาผู้เช่าใหม่ปีหน้า เอ...ในฐานะเป็นตัวแทนเจ้าของ และรักษาผลประโยชน์ธุรกิจตัวเอง มันจะคุ้มเราและเจ้าของหรือเปล่า? ลองมาพิจารณาเรื่องนี้กันค่ะ

ฝั่งผู้เช่า

ได้ประโยชน์แน่ๆ ถ้าเจ้าของยอม เพราะได้ค่าเช่าเรทพิเศษไปอีก 2-3 ปี โดยจ่ายเงินประกัน แค่ 2 เดือน ถ้าห้องเช่ามูลค่า 25,000 บาท เขาเช่าได้ในราคา 18,000 บาท เขาได้กำไรทันที 84,000 บาท/ปี โดยมีค่าความเสี่ยงแค่เงินประกัน 36,000 บาท สรุปแล้ว ถ้าอยู่มา 1 ปี ไม่ชอบห้อง จะ Break contract ยังไงเขาก็ได้ Net profit 48,000 บาท เงินที่ประหยัดไปได้นี้ สามารถไปเช่าห้องที่ดีกว่าในปีต่อไป และคุ้มค่ากับการทิ้งประกัน 🤓

เจ้าของ

ห้องเช่า 25,000 บาท แน่นอนราคาซื้อมา ถ้าให้คุ้มค่าการลงทุน คาดหวัง yeild 5% ต้องอยู่ที่ 6,000,000 บาท ถ้ายังผ่อนอยู่ เข้าเนื้อแน่ๆ ที่ต้องชักเงินส่วนตัวส่งแบงค์ ถ้าปล่อยเช่า 18,000 บาท นี่ยังไม่หักค่าส่วนกลาง ค่าคอมมิชชั่นเอเจน เรียกว่าดีลนี้ ไม่คุ้มค่า และมันคือแค่การแก้ปัญหาชั่วคราว ที่ต้องหลับตาเซ็นสัญญาจริงๆ

สำหรับเจ้าของ ถ้ายังต้องเจอแบบนี้ไปอีก 2-3 ปี มันเสีย performance ของทรัพย์ด้วย ถ้ามีจังหวะ ขาย cut loss ตัดปัญหาเอาเงินไปลงอย่างอื่น ให้ได้กำไรมากกว่า หรือ ขายแบบผ่อนตรงกับเจ้าของ ก็ยังมีช่องทางได้ดอกมากกว่า และมีเงินดาวน์เป็นประกันที่ดีกว่า

เอเจน

สัญญาเช่า 3 ปี ได้ค่าคอมมิชชั่น 1+0.5+0.25 เดือน ถ้าเก็บเต็มเลยตอนเซ็นสัญญา คือเรียกว่าได้เงินเกินครึ่งของ 1 เดือนค่าเช่าล่วงหน้าและ 2 เดือน deposit ดูเหมือนจะเป็นดีลที่น่าสนใจ 🤑
ถ้าลูกค้าอยู่ครบสัญญาจริง แต่ถ้าอยู่ไม่ครบ อาจเป็นดราม่าต้องหาคนมาอยู่แทน ซึ่งก็เข้าข่ายทำงานตามปกตินั่นแหละ แค่ได้เงินในอนาคตมาใช้
บางครั้งเจ้าของไม่ยอม ก็จะถูกเรียกร้องให้คืนเงิน ซึ่งจะคืนไม่คืนก็แล้วแต่เอเจน แต่ที่แน่ๆ นอนไม่ค่อยหลับแน่นอน เพราะเจ้าของเขาก็มีแต่เสียกับเสีย เขาต้องเรียกร้องหนักแน่ๆ

เฮ้อ..!!! ดูทรงแล้วไม่น่าจะเป็น Good deal เพราะ คนที่ได้ประโยชน์ มีแต่ผู้เช่าฝ่ายเดียว แต่ตอนนี้มันเป็นตลาดผู้ซื้อ ผู้เช่า แล้วเราจะทำอย่างไรดีล่ะ?

ผู้เช่าอยากได้ของดี ราคาประหยัด เจ้าของอยากได้ผู้เช่าดี เอเจนอยากได้คอมเต็มและนอนหลับสบาย

ลอง solution นี้ดีไหม?

แพคเกจ เช่า 1 ปี อยู่ครบสัญญา ฟรี 2 เดือน
เช่น ค่าเช่าเดิม 25,000 ก็ลดลงมาที่ 22,000 บาท ถ้าอยู่ครบ 1 ปี ให้ฟรี 2 เดือน ก็เหมือนจ่ายเดือนละ 18,857 บาท เจ้าของอาจแถมอินเทอร์เน็ตแรงๆ ให้ใช้ฟรีก็ได้ จะได้ค่าเช่ากลมๆออกจากกระเป๋าที่ 18,000 บาท

กรณีนี้จะดีสำหรับผู้เช่าที่พร้อมจ่าย และมีแผนจะอยู่นาน เพราะมีสัญญาการทำงานเป็นหลักแหล่ง ถ้าเขารับแพ็คเกจนี้ได้ เราก็จะได้ผู้เช่าคุณภาพดี ที่ได้ลดราคาให้เขาบ้างเป็นการดึงดูดลูกค้ โดยไม่ต้องเสี่ยงในระยะยาวแต่ไม่ได้อะไรเลย

2 เดือนที่อยู่ฟรี ซึ่งเป็นระยะปกติที่จะหาผู้เช่าใหม่อยู่แล้วช่วงโควิดนี้ ก็ต่อรองได้ว่า ขอให้เปิดห้องเป็นระยะๆ หากเรามีว่าที่ผู้เช่าจะมาเช่าต่อ ซึ่งหากสถานการณ์ปีหน้าดีขึ้น เจ้าของก็ยังมีโอกาสปรับค่าเช่าขึ้นได้

เอเจนก็รับค่าคอมมิชชั่นตามปกติไป จะขอเต็มเดือน หรือตามเรท 14 เดือนก็ว่ากันไป แต่ดีต่อใจกว่าควักเงินในกระเป๋าคืนเจ้าของตอนลูกค้า Break contract แน่นอน 🦋💕

ลองไปปรับ และคิดค้นแพคเกจใหม่ๆ ดึงดูดใจผู้เช่าคุณภาพดีกันค่ะ
main-image
profile-avatar
Naowarat 3 ปีที่แล้ว
ทั่วไป

รู้จักตัวเอง เลือกลูกค้าที่เหมาะกับตัวเอง ไร้แรงต้านและประสบความสำเร็จเร็ว

เพื่อนเอเจน ชอบทำงานกับลูกค้าแบบไหนคะ?

สมัยเริ่มอาชีพใหม่ๆ เมื่อสิบปีก่อน ยังไม่รู้ตัวเองหรอกค่ะ ว่าถนัดอะไร ชอบอะไร รู้แต่ว่าตอนนั้นร้อนเงิน พอจับทางได้ว่า ทำอย่างไรจึงปิดเช่าได้ ก็มุ่งทำอย่างนั้น เพื่อเงินที่เร็วที่สุด เยอะที่สุด

ลีดขาย ไม่แตะเลย เพราะใช้เวลานาน และต้องการทักษะสูง แถมต้องเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้าลึกซึ้งกว่า งานยากกว่า สู้ทำผู้เช่าฝรั่งน้อยหมื่นกว่าบาท ที่แค่พาซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปปิดเช่าแป๊บๆก็ได้เงินไม่ได้

สังเกตตัวเองตอนนั้นว่า ด้วยความรู้ที่น้อย จิตใจที่ร้อนรน ทำให้เข้าไม่ถึง "จิต" ของคนที่มีเงินมาก คนที่ไม่มีปัญหาการเงิน เจ้านายตอนนั้นเขาก็รู้ว่า learning curve ยังไม่ถึงผู้เช่าหลักหลายหมื่น หลายแสน เขาก็ไม่ส่งลีดให้ ดังนั้นยอดปิดเดือนละ 2-3 แสนตอนนั้นจึงมาจากยอดปั่นหมื่นกว่าบาท สองหมื่นกว่า ล้วนๆ เหนื่อยโฮก!

ได้เงินดี แต่สุขภาพแย่ สองสามเดือนที่ทำงานใหม่ๆ น้ำหนักลดฮวบฮาบ นอนไม่หลับ ผมร่วงเป็นกองๆกันเลยทีเดียว

เวลาผ่านไป ได้ทำงานกับอีกหลายเอเจนซี่ ทักษะ ความรู้มีมากขึ้น และอายุที่เพิ่มขึ้น พบว่า เราไม่สามารถทำงานสักแต่ใช้แรง โชว์ห้องตะลอนๆ วันละสิบกว่าที่ รับลูกค้าเช่าวันละ 2-3 เคสได้อีกแล้ว ก็เริ่มสังเกตตัวเองใหม่ ว่าชอบทำงานกับลูกค้าแบบไหน ทรัพย์แบบไหน

พบว่า ถ้าเป็นเคสเช่า ลูกค้าครอบครัว 5-6 หมื่น ถึงแสน คอนโดสามห้องนอนพร้อมพงษ์ สุขุมวิทนี่ ถูกจริตที่สุด หาสต็อกง่ายสุด เข้าอกเข้าใจลูกค้ามากสุด คงเพราะเราพักแถวนี้ เราเป็นแม่คน และเข้าใจความจำเป็นของครอบครัวที่ต้องวางแผน ต้องจำกัดความชอบส่วนตัว เพื่อความสะดวกปลอดภัยของลูก ทำให้ทำงานกับกลุ่มนี้ง่ายสุด

ถ้าเป็นงานขายรีเซลคอนโด ห้องใหญ่ไซส์ครอบครัว 2-300 ตรม. และขายคอนโดให้นักลงทุนต่างชาติ โซนฮ่องกง สิงคโปร์ ซึ่งเป็น mature investors ปิดขายทาง WhatsApp ทางอีเมล์ได้ จบไวด้วยตัวเลขนั้น เป็น Flow ที่ดีที่สุดของตัวเอง ทำงานสนุก จบง่าย สบายใจ

เคสเช่าจุ๋มจิ๋ม หมื่นสองหมื่น ก็ช่วยได้เท่าที่ช่วย แต่ถ้า require การทำงานที่มากกว่า 1 ชั่วโมง จะตัดสินใจไม่ทำ และส่งให้คนอื่นทำไปเสีย

บางทีงานโคเอเจน 50/50 ในทรัพย์ ในทำเลที่ไม่ถนัด ก็หาพาร์ทเนอร์เจ๋งๆที่รับงานให้ได้แบบร้อยเปอร์เซนต์ รอรับค่ารีเฟอร์ตอนจบงาน สบายใจกว่าไปวุ่นวายกับเขาในเรื่องที่เราไม่ถนัด แค่เพื่อเงินค่าคอมมิชชั่นที่เพิ่มขึ้นมา และการปวดหัวทึ่มากขึ้น

แล้วไม่คิดจะเรียนรู้การขายทรัพย์ใหม่ๆ นอกทำเลบ้างรึ?
เป็นเอเจนต้องเก่งมาก รู้มากไม่ใช่เหรอ?

ใช่และไม่ใช่ค่ะ 😄
เป็นคนชอบเรียนรู้ ชอบสิ่งใหม่ และไม่ใช่ทุกสิ่งที่เราชอบจน invest เวลาและแรงลงได้ จึงยินดีทำงานตาม strength ของตัวเอง ลึกในบางเรื่อง และเลือกทำงานแนวกว้างในเรื่องที่ไม่ถนัด เพราะนั่นคือภาวะไร้แรงต้านของตัวเองค่ะ

อายุมากขึ้นแล้ว ยิ่งขี้เกียจ และอดทนน้อย 😄 จึงต้องคิดเยอะขึ้น ออกแรงน้อยลง ขี้เกียจขนาดรถยังไม่ขับเอง ไปกับลูกค้าก็จ้างรถพร้อมคนขับ หรูหราสะดวกสบายตามงบประมาณลูกค้า และนั่งสวยๆที่เบาะหลัง ใจเย็นๆ คุยและใส่พลังงานกับลูกค้าได้เต็มที่

ทุกอย่างที่ทำ ต้องได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ และได้คุณค่ามากที่กว่าเงิน ใส่พลังในการคิดเชิงกลยุทธ์และโฟกัสที่การสมดุลตัวเอง มองหาโอกาสรีเฟอร์ โคเวิร์ค ปีละ 60 เคส และปิดเองในทรัพย์ที่ถนัด ปีละ 20 เคส แค่นี้คุณภาพชีวิตก็ยอดเยี่ยมแล้ว

โอ๋ใช้เวลาเดินทางในอาชีพนี้ถึงสิบปีทีเดียว ที่จะเข้าใจตัวเอง ออกแบบงานและชีวิตที่ชอบได้ และที่น่าตกใจคือ มีเพื่อนร่วมอาชีพหลายคนมาก ที่ยังออกจากวังวน เครียด เหนื่อยและฝังตัวเองต้องอยู่ในภาวะ 'ต้องทำ' ที่ไม่รู้จักจบสิ้น

เล่าให้ฟังตอนสายๆ วันอาทิตย์ ให้เป็นข้อคิดมือใหม่ มือเก่าทุกคน ได้คอยสังเกต ทบทวน คิดวางแผนงานและชีวิตให้เหมาะกับตัวเอง อย่าเผลอแค่ทำตามความเคยชิน เหนื่อยจนชิน ยากจนชิน เพราะถ้ารอจน สุขภาพกายใจพัง มันไม่คุ้มกันเลย

กฏ 20/80 ยังใช้ได้ดีเสมอ เก็บข้อมูลผลงานตัวเอง สังเกตใจ ออกแบบชีวิตที่ใช่ และสนุกไปกับมันค่ะ

ขอให้คนอ่านรวยและมีความสุขทุกคน🤗💕
main-image
profile-avatar
Naowarat 3 ปีที่แล้ว
ความรู้

เพราะอะไร เอเจนอสังหาฯ ถึงเป็นผู้เชี่ยวชาญที่คู่ควรกับค่าตอบแทนที่สูง

เร็วๆนี้ ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของทรัพย์ ซึ่งแชร์ประสบการณ์ใช้บริการเอเจนอสังหาฯ เจ้าหนึ่งให้ฟัง

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เจ้าของทรัพย์ฝากทรัพย์กับเอเจนรายนี้ เมื่อสองปีแล้วโดยไม่ได้มีการเซ็นเอกสารสัญญาแต่งตั้งใดๆ

เอเจนพาลูกค้ามาชมบ้าง แต่ไม่มีความคืบหน้า

เวลาผ่านไป ลูกค้าที่เคยมาชมทรัพย์กับเอเจนเมื่อหลายเดือนก่อน ก็เกิดมารู้จักกับเจ้าของทรัพย์เป็นการส่วนตัว ตกลงทำการซื้อขายจนจะโอนอยู่แล้ว และเอเจนเมื่อทราบข่าว ก็มาเรียกร้องขอค่านายหน้า ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของทรัพย์ปฏิเสธ และเอเจนก็แจ้งว่าจะฟ้องร้อง...

พลอตเรื่องแบบนี้มันคุ้นๆ เกิดขึ้นทุกวัน

ทางฝ่ายเจ้าของทรัพย์ เล่าให้ฟังว่า เอเจนไม่เคยมีการรายงานความคืบหน้าหรือแนะนำใดๆ ในการขายการตลาด ไม่มีการเสนอการบริการ หรือวิธีทำการตลาด แค่มาถ่ายรูปแล้วก็ไปโพสต์ ไปแปะป้ายโฆษณา

“ ฉันเคยไปอยู่กับลูกที่อเมริกา เราขายบ้านที่นั่น เรารู้ว่าพวกเอเจนทำงานหนักมาก มาเสนองานเพื่อเซ็นสัญญา เขาก็ทำการบ้านมาอย่างดี เช็คราคาตลาดมาเปรียบเทียบให้ดู แนะนำการเตรียมบ้านออกตลาด พูดจามีหลักการ เขาปิดได้ทุกข้อสงสัย ทุกข้อโต้แย้งของเรา

เราจึงเซ็นสัญญาให้เขาเป็นคนขาย แล้วก็ขายได้เร็วจริงๆด้วย ถ้าเอเจนคนที่มีปัญหากับเรา ได้แสดงความเป็นมืออาชีพตั้งแต่แรก เราอาจเซ็นสัญญากับเขาแล้ว แต่นี่ แค่พูดให้เราเชื่อมั่น เขายังทำไม่ได้ แล้วจะมั่นใจว่าเขาจะปิดขายกับผู้ซื้อให้เราได้เหรอ?... ฟ้องก็ฟ้องเถอะ ลูกค้าหายไปก็ไม่ตาม จนมาเจอเราเอง จะมาเรียกร้องอะไรล่ะ“

ไม่ได้มีเจตนาจะตัดสินว่าใครผิดหรือถูก เพราะต่างคนต่างก็คิดว่าตัวเองถูกและไม่อยากเสียผลประโยชน์กันทั้งนั้น ถ้าฟังฝ่ายเอเจนก็อาจได้ยินอีกพลอตหนึ่ง จึงตัดสินไม่ได้จากการฟังความข้างเดียว

เรื่องนี้ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนหากมีการฟ้องร้องกันจริงๆ

ประเด็นที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้คือ

1. ผู้ขายที่ไม่ได้เซ็นสัญญาแต่งตั้งนายหน้า ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีความรู้ หรือไม่ยอมเซ็นโดยไม่มีเหตุผล

: เคสนี้ ลูกค้าเคยมีประสบการณ์ใช้บริการเอเจนมืออาชีพในต่างประเทศ และรู้ว่าสามารถคาดหวังอะไรได้จากเอเจน แต่พอเจอเอเจนมือสมัครเล่นที่แค่นำเสนอบริการ ของตัวเองยังทำไม่ได้ แน่นอนว่าเขาก็ไม่ไว้ใจ หรืออยากทำงานด้วย

คิดดูว่า ถ้าเอเจนทำงานเป็นมืออาชีพ ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ สร้างสายสัมพันธ์มาเป็นอย่างดี เล่นบทบาทที่ปรึกษาที่ดีมาตลอด สร้าง value ให้กับตัวเองอย่างชัดเจน การฟ้องร้องเรียกค่าคอมมิชชั่น คงไม่ต้องเกิดขึ้น

2. การพาชมทรัพย์ ควรมีการบันทึกพาชมทรัพย์ และเซ็นรับทราบของลูกค้า ว่ามาดูทรัพย์จริงๆกับเรา

: ถึงแม้บางเคสเราเซ็นสัญญาไม่ได้ แต่การมีบันทึกยืนยันเป็นเอกสารว่า ลูกค้ารายนี้เป็นของเราจริงๆ มาจากเรา มาชมทรัพย์ในวันนี้ๆ ก็ย่อมเป็นหลักฐานยืนยันที่มีน้ำหนักในการทำงานของเรา ดีกว่าไม่มีอะไรเลย

อย่าลืมว่า เราไม่ได้แค่ยืนยันกับเจ้าของทรัพย์เพื่อรับค่าคอมมิชชั่นอย่างเดียว หากเจ้าของเขาไม่เซ็นสัญญาแต่งตั้งกับใครสักคน และลูกค้าก็ Shopping ไปกับหลายเอเจน ปัญหาลูกค้าซ้ำ ( Duplication) กับเอเจนอื่นๆ มันมีแน่นอน และถ้ามันซ้ำขึ้นมาจริงๆ เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามากับใครก่อน หรือหลัง? ใครควรจะได้ค่าคอม?

3. การติดตามลูกค้า ตามกันดีแค่ไหน?

: ลูกค้ารายไหนที่เป็นลูกค้าตัวจริง มีสัญญาณการซื้อชัดเจน หน้าที่เราก็ต้องตามให้สุด ไม่ตามจนซื้อกับเรา ก็ต้องตามจนได้ยินกับหูแหละว่า ไม่ซื้อแล้ว ไม่เอาแล้ว

กรณีนี้ เห็นได้ชัดว่า เอเจนไม่ตามลูกค้า จนกระทั่งลูกค้าไปเจอกับผู้ขายโดยบังเอิญ ไปปิดขายกันเองแล้ว เอเจนเพิ่งรู้ อันนี้ถือว่าพลาดในการทำงานของตัวเองอย่างมาก

ถ้าไม่ติดตามดูแลเงินของตัวเองให้ดี ก็ต้องไปวิ่งไล่ตามจับอีกทีในศาล ให้เสียอีกทั้งเวลาและความรู้สึก

เอเจนอสังหาฯ ต้องสร้างคุณค่าของตัวเองให้ชัดเจน ทำงานให้มีประสิทธิภาพ กล้าประกาศและเรียกร้องการปฏิบัติ พร้อมค่าตอบแทนที่คุณคู่ควรตั้งแต่ Day 1 และหากมีเหตุผิดแผนจริงๆ คุณจะรู้ว่าต้องไปอุดรูรั่วที่ไหน และแก้ไขอย่างไร

ลิ้นคนมันอ่อน ลมปากมันอุ่น แต่สัญญาและเอกสารที่ถูกต้อง มันหนักแน่นและเย็น และช่วยเหลือธุรกิจของคุณได้ ใช้ซะ!
main-image
profile-avatar
Naowarat 3 ปีที่แล้ว
ความรู้

รับมือกับ ลูกค้า Open Budget! อย่างไร?

ในการขายทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จ นักขายซึ่งหมายถึงเอเจนอสังหาฯ จะต้องมีทักษะในการใช้ชุดคำถาม เพื่อให้ได้ความต้องการที่ชัดเจนของลูกค้า อันจะนำไปสู่การคัดเลือกและนำเสนอทรัพย์ให้ตรงความต้องการ

การสัมภาษณ์เพื่อคัดกรองลูกค้ามีรายละเอียดหลายประเด็น และจุดที่ท้าทายมากที่สุดสำหรับมือใหม่ คือการถามเรื่อง ' งบประมาณ' นี่ล่ะค่ะ

อะไรที่เข้าใกล้เรื่องเงิน มันละเอียดอ่อน ถามไปก็กลัวลูกค้าโกรธ โดยเฉพาะลูกค้าบางคนที่ sensitive ถามไม่ถูกจังหวะ อาจคิดว่าเรากำลังดูถูกว่าเขาไม่มีเงินก็เป็นได้

การทำงานกับลูกค้า คือการสร้างสายสัมพันธ์และความไว้วางใจนะคะ ( Build Rapport) ข้อมูลบางอย่าง ลูกค้าไม่อยากบอก เพราะไม่ไว้ใจ กลัวเสียประโยชน์ กรณีนี้ก็เช่นกันค่ะ ดังนั้น เราต้องทำให้ลูกค้าไว้ใจ ด้วยการเข้าใจเขาก่อนค่ะ

Open Budget แปลว่าอะไร?

ยุคนี้เป็นตลาดของผู้ซื้อ แน่นอนเขาใช้เอเจนเพราะเขาก็อยากจะมีตัวเลือกให้มากที่สุด และมั่นใจว่าเขาได้ดีลที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และเป็นหน้าที่ของเรา ที่จะทำความเข้าใจว่า ' ดีลที่ดีที่สุด' สำหรับเขา เป็นอย่างไร ด้วยการใช้คำถามเพื่อหาความชัดเจน และไม่ใช่การคาดเดาว่า

" อ๋อ Open Budget ....หยุด......ชื่อเรา...ขออนุญาตถามเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและช่วยให้...ชื่อเรา...หาทรัพย์ให้คุณ...ชื่อลูกค้า..ได้เร็วขึ้นนะคะ Open Budget ของคุณ...ชื่อลูกค้า...หมายถึง ต้องการดูเปรียบเทียบหลายห้อง เพื่อให้มั่นใจว่าได้ห้องที่สวยที่สุด และราคาดีที่สุด ใช่ไหมคะ" แล้วหยุดให้ลูกค้าตอบค่ะ

ลูกค้าก็จะตอบมาว่า " ใช่ค่ะ" 💕🎉

เอเจนคนเก่งก็จะต่อชอตว่า " ขอบคุณมากค่ะคุณ...ชื่อลูกค้า... ที่แชร์ข้อมูลกับ...ชื่อเรา...เพราะตึกนี้ ...ชื่อเรา...มีสต๊อกหลายห้องเลยค่ะ เปิดให้ชมได้จุใจ เจ้าของท่านไหนใจดี พร้อมรับข้อเสนอของผู้เช่า ...ชื่อเรา..มีข้อมูลหมดค่ะ ว่าแต่ 1 ห้องนอนที่คุณ...ชื่อลูกค้า...อยากได้ เป็นแบบไหนคะ มีอะไรเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคุณ...ชื่อลูกค้า...ที่...ชื่อเรา.. ต้องทราบก่อนพาชมบ้าง "

สังเกตดูว่า ไม่ได้มีการ force ถามเรื่องเงินค่ะ แต่ใช้เทคนิคการถาม เพื่อ Clarify หาความชัดเจน และพูดคุยโดยนำประโยชน์ของลูกค้ามาเป็นเรื่องสำคัญ ให้พลังอำนาจในการนำ อยู่ในมือลูกค้า ซึ่งแท้จริงแล้วเราเป็นคนนำนี่ล่ะค่ะ แต่นำแบบไม่ให้เขารู้ตัว 🤗😊

ถ้าเป็นลูกค้า ได้คุยกับเอเจนคนเก่ง เทพแห่งการสื่อสารทำงานระดับเจ้าแม่เจ้าพ่อตึกแบบนี้ เขาก็เกิดความมั่นใจ และสบายใจในการเปิดเผยความต้องการมากขึ้น ว่าอยู่กับคนที่รู้จริง เขาจะได้ดีลที่ดี ในเวลาที่เร็วขึ้นแน่นอน ไม่อยากไปไหนกับใครแล้วล่ะค่ะ

นี่คือการ Build rapport หรือการสร้างสายสัมพันธ์กับลูกค้า ที่นักขายทุกคน ต้องฝึกให้เชี่ยวชาญค่ะ 🤗

ลูกค้าใช้งานเอเจน เพราะเขาอยากให้ชีวิตง่ายขึ้นนะคะ หน้าที่เรา คือฝึกการใช้เทคนิคการสนทนา และชุดคำถามให้คล่องเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งสร้างตัวตนให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ ให้ได้ในระดับที่ว่า ใครจะมาย่านนี่ ตึกนี้ต้องมาหาเรา 🔥🔥🔥

ไว้จะแวะมาแชร์ Tips ดีๆ และ Script ให้นำไปฝึกใช้กับลูกค้ากันอีกนะคะ

ใครอยากรู้จักกันมากขึ้น ก่อนสมัครมาทำงานด้วย หรืออยากโคงานกัน ตามไปดูในเพจ #อสังหาฯอารมณ์ดี และ YouTube ช่อง OhNAOWARAT ได้นะคะ
main-image
profile-avatar
Naowarat 3 ปีที่แล้ว
ความรู้

อยากให้มีหัวข้อ กรณีศึกษา ( Case study) และปรับความชัดเจนการแชร์ในกลุ่มนี้ค่ะ

ชื่นชมการแบ่งปันในห้องนี้มาก มีมารยาท เป็นมืออาชีพ ไม่เอาแต่บ่น🤗 อยากให้การแบ่งปันมีคุณค่าและยกระดับความรู้และการทำงานของพวกเราเอเจน ให้ดียิ่งขึ้นไป ขอเสนอแนะดังนี้ค่ะ

1. หัวข้อกรณีศึกษา
: สรุปเล่าเรื่อง เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร
: ข้อผิดพลาด ความเสี่ยง ความเสียหายที่เกิดขึ้น เอเจนเจ้าของเคสแก้ไขปัญหาอย่างไร
: เจ้าของเคสเรียนรู้อะไร ค้นพบ solution อะไรใหม่ ครั้งหน้าจะทำอย่างไร

2. หัวข้อความรู้ และการพัฒนาธุรกิจ
: เป็นประเด็นความรู้ และวิธีการพัฒนาธุรกิจ ที่เอเจนควรรู้ แชร์เป็นสาธารณะได้ ไม่ใช่เทรนนิ่ง ไม่พาดพิงบุคคลที่ 3 ไม่ Dark หรือสุ่มเสี่ยงเกินไปต่อกฏหมาย ศีลธรรมดีงาม และ นำไปสู่การปฏิบัติงานที่ผิด

: อยากเชิญชวนเอเจนผู้มีประสบการณ์ ได้แชร์การทำงานที่เป็นระบบ แบบแผนให้เอเจนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ด้วย เราเลี่ยงไม่ได้ที่จะแชร์สิ่งดีๆ ให้คนอื่นๆนอกสำนักงาน หรือบริษัทของเรา เพราะคนเหล่านี้ คือเพื่อนร่วมอาชีพ คืออนาคตโคเอเจน เป็นว่าที่ Business partner ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในเวลาใดเวลาหนึ่ง สิ่งที่เราให้ไป ทำให้อาชีพเราดีขึ้น ชื่อเสียงพวกเราดีขึ้น ธุรกิจของเราก็ดีขึ้นในภาพรวม

เชิญชวนพี่น้องมือเก๋า แวะมาแชร์ มาสอนน้องใหม่ๆในห้องนี้ และที่อื่นๆ เยอะๆค่ะ Flow งาน และเอกสารที่เอเจนควรรู้ ต้องมีการโปรโมทให้ใช้กันเยอะๆค่ะ 🤗

ฝาก LivingInsider ด้วยนะคะ
main-image
profile-avatar
Naowarat 3 ปีที่แล้ว
ความรู้

เอเจน เช็คสารบบ และคัดสำเนาโฉนดก่อนทำสัญญาจะซื้อจะขายกันไหมจ๊ะ?🦋

ในชีวิตการเป็นเอเจน สถานที่ที่ชอบไปที่สุด ก็คือไปบ้านเขียว ( สำนักงานที่ดิน) ในวันโอน เพราะนั่นหมายถึง งานจบและเรากำลังจะได้เงินค่าเหนื่อย

แต่เคยได้ยินเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ที่ทำให้การโอนไม่เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นแบบเสียวไส้ เอเจนหน้าเขียวหน้าเหลืองจะเป็นลม ผู้ซื้อผู้ขาย คอยนานจนหน้าคว่ำ หรือทะเลาะกันหน้างานไหมคะ

เหตุการณ์ไม่คาดฝันจะหมดไป ถ้าเราเอเจนมืออาชีพหลังได้รับสำเนาโฉนดมา ไม่ว่าจะก่อนเซ็นสัญญารับมาขาย หรือเราเป็นตัวแทนฝั่งซื้อ เตรียมจะวางจองแล้ว ขอให้จัดเวลาสักนิด มาขอดูสารบบ คัดสำเนาโฉนดที่สำนักงานที่ดินด้วยตนเอง ฟรี ไม่เสียเงิน และไม่เสียใจภายหลัง

ดูอะไรบ้าง จากสารบบ?

เมื่อมายื่นคำร้อง ขอดูสารบบ เจ้าหน้าที่จะเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวกับทรัพย์นั้นมาให้เราดู ซึ่งเราต้องมีข้อมูลเลขโฉนด เลขที่ดิน มาด้วยนะคะ อะไรที่ถ่ายเอกสารได้ เจ้าหน้าที่เขาก็บริการให้ค่ะ

ดูว่าชื่อเจ้าของ ตรงกับที่ประกาศขายและจะทำสัญญาหรือไม่?

ทรัพย์ติดภาระจำนอง หรืออายัดหรือเปล่า? พร้อมโอนไหม?

อะไรที่ไม่แน่ใจ ถามเจ้าหน้าที่เขาเลยค่ะ เคลียร์ๆ ส่วนตัวเรียนรู้จากการถาม ถาม ถาม แล้วก็ถามนี่ล่ะค่ะ

ผู้ขาย เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์คนเดียวหรือเปล่า? แต่งงานไหม?

เคยเจอมาแล้วค่ะ ตอนซื้ออยู่กับภรรยาอีกคน ตอนจะขายภรรยาเก่าเลิกไป ไม่ได้หย่า ยังมีลายเซ็นหราอยู่ในสารบบ คนขายไม่บอก เอเจนก็หน้าซีดสิคะ เพราะเอกสารไม่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็เรียกหาคำยินยอมของภรรยาให้ขายได้ จะไปตามที่ไหนอ่ะ หายหน้าไปเป็นปีๆอ่ะ 😭 แบงค์ก็จะไม่ปล่อยให้กู้ค่ะ ง่าาา เจ่นล้องห้ายยย 🤢 เคสนั้นเป็นเคสครู หมดยาดมไปหลายหลอด กว่าจะแก้ไขสถานการณ์ได้ และไม่พลาดการมาตรวจสารบบอีกเลย

และอีกหลายๆจุด ที่สามารถถามเจ้าหน้าที่เพื่อขอคำปรึกษาในการเตรียมเอกสาร ขั้นตอนให้เรียบร้อยในการโอน รวมทั้งคำนวณค่าใช้จ่ายในการโอน ที่ถูกต้องเป๊ะๆ เลยแบบไม่ต้องเสี่ยง และเสียวให้ลูกค้าทะเลาะกันหน้างาน เพราะเอเจนคำนวณผิด หรือมีบางอย่างที่เราไม่รู้ และเป็นค่าใช้จ่ายงอกขึ้นมา

ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการคำนวณผิดพลาด หลักร้อยไม่เท่าไหร่ หลักพัน หลักหมื่น หรือมากกว่า มันยากจริงๆ ที่จะคุยให้จบหน้างานได้สะดวกโยธิน เอเจนบางคนยอมควัก เข้าเนื้อค่าคอมมิชชั่นตัวเอง เพื่อรับผิดชอบ แต่เราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงและเสียหายขนาดนั้นเลยค่ะ ถ้าทำงานรอบคอบ และช้าลงสักนิด

ปกติถ้าเตรียมตัวมาดี เอกสารเป๊ะ ค่าใช้จ่ายถูกต้อง เคลียร์แล้วล่วงหน้า เช็คออกมาถูกต้อง มาโอนตามนัดเวลา ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จ ได้เช็คหอมๆ กลับบ้านแล้วค่ะ

นี่เองเป็นเจ้าของฉายา Seamless Transaction ที่มอบให้โดยลูกค้าต่างชาติค่ะ 🤗😘 โอนในวันคริสต์มาสที่แสนวุ่นวายคนเต็มที่ดิน เสร็จได้ในครึ่งชั่วโมงก็ทำมาแล้ว 😎❤️

หนทางของขุนกระบี่ผู้เกรียงไกร มีหลายเรื่องที่ต้องเรียนรู้และระมัดระวัง

วันนี้มาคัดสำเนา ตรวจสารบบเตรียมโอน
แหม่... คิดถึงเช็คหอมๆ แล้วชื่นจายย ❤️🤗🦋
#เอเจนชอบเช็ค
#เช็คสารบบ
#เตรียมโอนกรมที่ดิน
main-image
profile-avatar
Naowarat 3 ปีที่แล้ว