เคยใช่ไหม ทำงานจบแล้ว ไม่ได้รับคำขอบคุณ บางครั้งเป็นปี กว่าจะจบดีล โชว์ห้องจนพื้นทางเข้าตึกสึกไปแล้ว กว่าจะปิดได้ นอกจากจะไม่ขอบคุณ บางทีผิดพลาด ผิดหู ผิดตา ขึ้นมา “ด่า” หรือโกงค่าคอมเอเจนซะด้วย
ถึงแจ้งแล้ว เขาก็หูดับ ไม่ได้ยิน และตอนมีปัญหา เขาก็ต้องหาที่ลง
เครียด เหนื่อย เบื่อ ล้า ทั้งใจ ทั้งกาย อยากเลิกทำไปให้พ้นๆ
บางวัน เลิกงานก็สลบไปทั้งชุดทำงาน ลากสังขารไปไม่ถึงเตียงนอนก็มี
ใครล่ะ ไม่เคยเจอเรื่องพวกนี้บ้าง?
ถ้ารับไม่ไหว เลิกได้ก็ดีนะ ไม่งั้นจะเป็นมะเร็งเพราะการแบกรับความเครียดในระดับสูงที่ยาวนาน
เอเจน ทำเคสขาย เช่า ปีนึงนับครั้งไม่ถ้วน แต่คนขาย คนซื้อ ทำเรื่องนี้ในชีวิตอยู่ไม่กี่หน ระดับความเครียด ความวิตกกังวล ที่ทำให้ไม่เข้าใจ ที่ลามไปโกรธและต่อต้าน มีสูงมาก เป็นความธรรมดาที่ค่อนข้างโหด
เพราะเงินมันก้อนใหญ่ และเราต้องเตรียมรับมือให้ได้
อาชีพเรา ต้องเจอลูกค้าที่ยากง่าย ต่างกันไป ถึงแม้เราจะพอเลือกลูกค้าได้บ้าง แต่ถ้าในมุมมองธุรกิจ ลูกค้าที่พร้อมจ่ายนั้น อาจจะไม่ได้น่าพิสมัยทุกคน และเราก็ต้อง Handle ให้ได้ ถ้าต้องการมีรายได้จากงานนี้
นอกจากจะเจอไส้เดือน และกบน้อยในดิน ก็ยังคงต้องเจอมนุษย์ที่ตลาดซื้อขายตอนไปเอาเงินมาเลี้ยงชีวิตอยู่ดี เราหนีโลกที่ยุ่งเหยิงนี้ไปไม่พ้นหรอก
แต่เป้าหมายว่าทำไมเลือกเครื่องมือนี้สิ สำคัญกว่า
มาทำเอเจนเพื่อเก็บตังค์ หาประสบการณ์ไปเป็น Developer ไปเป็นนักลงทุน มาเก็บเงินก้อนจากการขายไปปลดหนี้บ้าน
มาเก็บเงินก้อนเป็นทุนการศึกษาลูก วางเย็นๆให้พอลูกเรียนจบมหาวิทยาลัย มาเก็บเงินหาทุนไปเที่ยวรอบโลก
หรือบางคน อยากเป็นเจ้าของบริษัทที่ชอบสอนงานเอเจนใหม่ บริหารทีมขาย มี Title การเป็นเจ้าของบริษัท มีลูกน้อง การเปิดบริษัทเอเจนซี่ก็สามารถให้ได้ โดยไม่ต้องลงทุนสูงมากนัก แต่จะยั่งยืนแค่ไหน อันนี้ก็แล้วแต่คน
ถ้าคำนวณออกมาเป็นจำนวนเงิน สภาวะธุรกิจที่ต้องการ ใส่ระยะเวลากำกับ ก็เป็นแผนการจับต้องได้ เพื่อการลงมือทำอย่างมีความหวัง และกำลังใจ ที่ต่อเนื่อง
“ยอมรับมัน อย่างมีสติ“
สิ่งที่ชอบใจ หรือไม่ชอบใจ มันมาแล้วก็ไป ไม่มีอะไรอยู่นานสักอย่าง
คุยกับตัวเองให้จบ ว่าจะเอาอะไร
เวลาลูกค้าไม่ชื่นชม แถมด่า และโกงด้วย คุณสะเทือนจนล้มเลยหรือเปล่า
เวลาทุกอย่างไปได้ด้วยดี คุณก็ขี้เกียจ ย่อหย่อน จนมาตรฐานตกไหม
คนที่เป้าหมายไม่ชัด ไม่สำคัญต่อหัวใจมากพอ เวลาถูกปัญหาที่เหมือนคลื่นลมซัด ก็จะถูกแกว่งไปมา กลับมาหาจุดสมดุลของตัวเองไม่ได้ ตกเรือ และต้อง Doubt ตัวเองอยู่ร่ำไป
และมีปัญญาออกไปรับมือกับเรื่องนอกตัว รู้อยู่ว่า ตัวเราเป็นที่พึ่งพาได้ที่แท้จริงของตัวเราเอง ไม่ใช่คนอื่น ที่จะแค่พูดหรือทำอะไรให้เราฟูๆแฟ่บๆ อย่างไร้สาระ
ทุกข์เอง ก็รู้เอง สังเกตใจเอง
รอจนสงบได้เอง คลื่นความทุกข์มันจะโผล่มาหลายรอบ หลายแบบ ก็อยู่ได้อย่างสันติ ประคับประคองใจกายได้ จนไปถึงสิ่งที่ต้องการในที่สุด