ทำไมการลงทุนในทาวน์โฮมปล่อยเช่าจึงน่าสนใจ ไม่แพ้คอนโด!!
1.ผลตอบแทนที่อาจไม่สูงมาก
ธรรมดาของการปล่อยเช่าคอนโด มักให้ผลตอบแทนจากค่าเช่า(คำนวณโดยหักค่าส่วนกลางและค่าคอมมิสชั่นนายหน้า 1 เดือน) อยู่ที่ประมาณ 4-5% เช่นว่า คอนโดย่านบางนาติดถนนสุขุมวิท ราคาห้องละ 2,750,000บาท ปล่อยเช่าได้เดือนละ 11,000บาท ค่าส่วนกลางเดือนละ 1,000บาท ปล่อยเช่าผ่านนายหน้าค่าคอม 1เดือน ได้ผลตอบแทน 4% ต่อปี ซึ่งหลายคนจะรู้สึกว่าตัวเลขนี้น้อยกว่า ดอกเบี้ยธนาคาร ที่ 6%-7% อยู่พอสมควร
2.ผู้เช่าเปลี่ยนบ่อย
เนื่องจากผู้เช่าจำนวนมากมักเลือกที่จะอยู่คอนโดใหม่และย้ายคอนโดตามงานที่ทำ ทำให้โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้เช่ามักจะทำสัญญากันเพียง 1 ปี ทำให้นักลงทุนอาจต้องเหนื่อยกับการฝากนายหน้าหาผู้เช่าให้ทุกๆปี ซึ่งแม้ว่าปีนี้จะได้ผู้เช่าที่รักษาห้องของเราดี แต่ในปีต่อไปอาจได้ผู้เช่าที่ไม่ค่อยรักษาห้องของเราก็ได้
3.ปัญหาที่เราไม่สามารถแก้ไขได้
คอนโดซึ่งเป็นอาคารชุดที่ผู้พักอาศัยจำนวนมากต้องใช้ส่วนกลางร่วมกัน ทำให้เมื่อเวลาเกิดปัญหากับตัวโครงการแล้ว เจ้าของห้องอาจไม่สามารถที่จะแก้ไขสิ่งเหล่านั้นได้โดยตรง เพราะว่าเราเป็นเพียงเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่ในห้องของเราเท่านั้น แม้ว่าเราจะแต่งห้องดีแค่ไหน แต่ถ้าตัวโครงการนั้นมีปัญหาที่ส่วนกลางแก้ไขล่าช้า ก็อาจจะทำให้ห้องของเราปล่อยเช่าลำบากก็ได้
4.เมื่อเวลาผ่านไป ผู้เช่ามักจะไม่ต่อสัญญาเพื่อไปเช่าอยู่แนบราบซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า
เป็นเรื่องปกติที่เมื่อคนเราอายุมากขึ้น มีแฟนแต่งงาน มีครอบครัว เลี้ยงสัตว์ ต้องความเงียบสงบในการพักอาศัยมากขึ้น เรามักจะต้องการพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้นทำให้การอยู่คอนโดติดถนนใหญ่หรือในเขตชุมชนอาจไม่ตอบโจทย์มากนัก
เหตุผลตัวอย่างที่ได้กล่าวมานี้ จึงอยากจะเชิญชวนนักลงทุนให้ลองศึกษาการลงทุนในทาวน์โฮมเพื่อการปล่อยเช่าว่ามีความน่าสนใจไม่แพ้คอนโดในหลายๆด้านดังนี้
1.ทาวน์โฮมแนวราบให้ผลตอบแทนที่สูงมากในระดับ 6%-7%
เนื่องจากทาวน์โฮม2ชั้นทั่วไปนั้นจะมีพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ประมาณ 100ตรม. ซึ่งต่างจากคอนโดขนาดเริ่มต้นที่มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 25ตรม. ทำให้ทาวน์โฮมในราคาที่ใกล้เคียงกับคอนโดสามารถปล่อยเช่าได้แพงกว่ามาก เช่น ทาวน์โฮมย่านบางนา กม.6 ราคา 3,100,000บาท ปล่อยเช่าได้ เดือนละ 21,000บาท ค่าส่วนกลางเดือนละ 1,000บาท ปล่อยเช่าผ่านนายหน้าค่าคอม 1เดือน ได้ผลตอบแทน 7% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงกว่าคอนโดมาก
2.ผู้เช่าทาวน์โฮมเปลี่ยนไม่บ่อย
เพราะว่าผู้เช่าที่พักอาศัยอยู่แนวราบอย่างทาวน์โฮมมักจะมีสัมภาระและข้าวของจำนวนมาก การอยู่อาศัยจึงคล้ายกับบ้านที่อยู่ได้นาน อยู่ได้หลายชั่วอายุคน กว่าคอนโดซึ่งมีลักษณะเป็นห้องพักคล้ายโรงแรมซึ่งเหมาะกับการอาศัยเพื่อทำงานในพื้นที่แถวนั้น
3.ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวโครงการส่งผลน้อยต่อตัวบ้าน
เพราะว่าทาวน์โฮมมีลักษณะคล้ายบ้านเดี่ยว ที่มีพื้นที่อิสระแยกจากตัวส่วนกลางของโครงการออกมา แม้ว่าตัวส่วนกลางอาจจะมีปัญหาบ้าง แต่ผู้พักอาศัยในทาวน์โฮมจะได้ผลกระทบจากสิ่งเหล่านั้นน้อยกว่า ปัญหาที่เกิดกับตัวบ้านของเราก็สามารถแก้ไขได้ง่ายกว่าคอนโด
แต่แม้ว่าเราจะกล่าวข้อดีมากมายของทาวน์โฮมมาแล้ว การเลือกลงทุนในทาวน์โฮมก็ต้องพิจารณาในอีกหลายปัจจัยเช่นกัน เช่น ทำเลที่อยู่ในซอยลึกเกินไปมั้ย ปัญหาการจอดรถของผู้พักอาศัยในโครงการว่าจอดภายในบ้านของตัวเองรึเปล่า พื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มก็จะทำให้การดูแลลำบากขึ้นมากกว่าคอนโด
สุดท้ายนี้ คงไม่มีใครตอบได้อย่างชัดเจนว่าการลงทุนแบบไหนดีที่สุด ทุกอย่างย่อมขึ้นกับประสบการณ์ที่คนนั้นๆประสบพบมา แต่ถ้าหากว่าเราเป็นนักลงทุนที่รู้สึกว่าผลตอบแทนของการลงทุนคอนโดนั้นน้อยเกินและเหนื่อยกับการเปลี่ยนผู้เช่าบ่อยๆ ทาวน์โฮมก็อาจเป็นทางเลือกในการลงทุนปล่อยเช่าที่น่าสนใจไม่แพ้กัน