“จากุซซี่” มากกว่าอ่างอาบน้ำ แต่เป็นตัวช่วยบำบัดกายใจ

แช่อ่าง “จากุซซี่” บรรเทาความเหนื่อยล้า

ทุกคนเคยสงสัยไหมคะ...ว่าทำไมหลังจากที่เรานอนแช่อ่าง “จากุซซี่ (Jacuzzi)” แล้วถึงได้รู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า หรือช่วยให้อาการปวดเมื่อยตามร่างกายเบาลง…ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะจากุซซี่เป็นอ่างน้ำวนที่ใช้แรงดันน้ำช่วยนวดผ่อนคลาย

อีกทั้งยังมีเครื่องเป่าลมที่พ่นฟองอากาศออกมารวมกับน้ำในอ่าง ซึ่งจะกระตุ้นประสาทสัมผัสที่ผิวหนังของเรา ขณะเดียวกันแรงดันจากกระแสน้ำในจากุซซี่ ก็จะบีบนวดกล้ามเนื้อลดอาการเกร็งตัวช่วยให้ผ่อนคลาย

โดยอุณหภูมิของน้ำในอ่างควรอยู่ที่ 30-40 °C เพราะน้ำที่อุณหภูมินี้ สามารถช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น เพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย และช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น

“จากุซซี่” อ่างน้ำวน ที่ช่วยคลายความกังวล

เมื่อนอนแช่อ่างจากุซซี่จนความเหนื่อยล้าทางกายคลายลงแล้ว ความเหนื่อยล้าทางจิตใจ อย่างเช่น ความวิตกกังวล ความตึงเครียด ก็บรรเทาลงด้วย เนื่องจากระบบน้ำวนในอ่างทำให้ประสาทสัมผัสปรับอารมณ์ให้รู้สึกสบายผ่อนคลายมากขึ้น

อีกทั้งการแช่น้ำอุ่นยังช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขอย่าง Endorphin จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมหลังจากที่เรานอนแช่อ่างจากุซซี่แล้ว ความรู้สึกหนักอึ้งในจิตใจถึงได้เบาลง

ติดตั้งอ่างจากุซซี่ ต้องเตรียมตัวยังไง?

เราก็ได้เห็นกันไปแล้วว่าการแช่น้ำในอ่างจากุซซี่นั้นมีข้อดีทั้งต่อร่างกายและจิตใจยังไงบ้าง พอรู้แบบนี้ก็อาจจะมีบางคนที่อยากมีจากุซซี่ที่บ้านของตัวเอง เพื่อที่เราจะได้นอนแช่น้ำผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานก่อนที่จะเข้านอนได้ทุกวัน ส่วนการติดตั้งอ่างจากุซซี่นั้นต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง บทความนี้ Living Insider จะพาไปดูกันค่ะ

1.ขนาดพื้นที่เหมาะกับจากุซซี่แบบไหน

อันดับแรกเราต้องวัดพื้นที่ในห้องน้ำที่เราจะติดตั้งอ่างจากุซซี่ว่ามีขนาดเท่าไหร่ จะได้เลือกรูปแบบของอ่างให้เหมาะสม หากห้องน้ำมีพื้นที่จำกัด หรือไม่ใหญ่มาก ก็อาจจะเลือกติดตั้งอ่างจากุซซี่แบบฝังชิดผนังหรือให้เข้ามุม

แต่ถ้าในห้องน้ำมีพื้นที่เยอะ ก็สามารถติดตั้งอ่างจากุซซี่แบบลอยตัว ซึ่งไม่ต้องวางให้ชิดผนังก็ได้ โดยรูปทรงของอ่างจากุซซี่ก็มีให้เลือกทั้งทรงกลม ทรงสี่เหลี่ยม และแบบเข้ามุมค่ะ

2.สำรวจโครงสร้างพื้นก่อนติดตั้งจากุซซี่

เราจำเป็นจะต้องจ้างช่างมาตรวจสอบโครงสร้างพื้นห้องน้ำก่อนว่า มีความแข็งแรงพอที่จะติดตั้งอ่างจากุซซี่หรือไม่ เพราะต้องรองรับน้ำหนักของทั้งอ่างเปล่า ๆ อ่างที่มีน้ำ และที่มีตัวเราลงไปนอนแช่น้ำอยู่ด้วย

ยิ่งถ้าเป็นอ่างจากุซซี่แบบฝังซึ่งจะต้องก่อปูนเพิ่มด้วยแล้ว แน่นอนว่าพื้นจะต้องรับน้ำหนักมากขึ้นไปอีก แต่ถ้าโครงสร้างพื้นไม่แข็งแรงมากพอ เมื่อติดตั้งจากุซซี่แล้ว พื้นอาจแตกร้าวและรั่วซึมได้

3.เตรียมระบบประปาก่อนติดตั้งจากุซซี่

หลังจากตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างพื้นเรียบร้อยแล้ว ก็มาเตรียมระบบประปาตรงจุดที่เราจะติดตั้งจากุซซี่ให้พร้อม ทั้งระบบน้ำดี และระบบน้ำทิ้ง เพราะหากตำแหน่งที่ติดตั้งจากุซซี่ไม่ตรงกับท่อน้ำทิ้ง อาจทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของการระบายตามมา ทำให้น้ำไหลออกช้า

แต่ถ้าเป็นอ่างแบบลอยตัวจะมีท่ออ่อนที่เชื่อมต่อกับท่อน้ำทิ้งบริเวณใต้อ่าง ซึ่งถ้าท่ออ่อนที่มากับอ่างยาวไม่พอ ก็สามารถซื้อท่ออ่อนมาเพิ่มแล้วนำมาต่อกันให้ยาวขึ้น เพื่อสอดเข้ากับท่อน้ำทิ้งได้ค่ะ

4.เตรียมระบบไฟฟ้าให้พร้อม

ด้วยความที่อ่างจากุซซี่เป็นระบบน้ำวน มีฟังก์ชันปรับอุณหภูมิของน้ำ รวมถึงบางรุ่นยังแอดวานซ์ขึ้นไปอีก มีระบบไฟ LED สร้างความสวยงามและไม่ธรรมดายิ่งขึ้น ดังนั้นจึงต้องเตรียมระบบไฟฟ้าให้พร้อมสำหรับการติดตั้งจากุซซี่

ซึ่งโดยปกติแล้วอ่างน้ำจะมีการใช้ไฟ 110 โวลต์ หรือ 220 โวลต์ และที่สำคัญจะต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญในการติดตั้งระบบไฟฟ้าด้วยนะคะ เพื่อความปลอดภัยป้องกันการเกิดไฟรั่ว

5.ยาแนวรอยต่อกันน้ำรั่วซึม

หากติดตั้งอ่างจากุซซี่แบบฝังหรือเข้ามุม สิ่งที่ขาดไม่ได้คือยาแนวรอยต่อตามขอบอ่าง เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสวยงามด้วย โดยอาจเลือกใช้ยาแนวแบบโมดิฟายซิลิโคน เพราะมีคุณสมบัติในการยึดเกาะตัวสูง มีความยืดหยุ่น สามารถป้องกันรังสี UV ได้

ใช้งานได้กับเกือบทุกพื้นผิว ทั้งคอนกรีต ปูน หินธรรมชาติ ไม้ โพลีสไตรีน ไฟเบอร์ซีเมนต์ พีวีซี และสแตนเลส ที่สำคัญคือสามารถใช้งานในที่เปียกชื้นได้ และทาสีทับได้ด้วย หากเราต้องการเปลี่ยนสียาแนวให้เป็นสีเดียวกันกับผนังก็ไม่ใช่ปัญหา ยาแนวแบบโมดิฟายซิลิโคนนับว่าสามารถตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว

“จากุซซี่ (Jacuzzi)” มากกว่าอ่างอาบน้ำ แต่เป็นตัวช่วยบำบัดความเหนื่อยล้าทั้งทางกายและทางใจ ดังนั้นถ้ามีโอกาสไปพักที่โรงแรมหรือรีสอร์ตที่มีจากุซซี่ก็อย่าลืมไปนอนแช่น้ำผ่อนคลายกันนะคะ หรือถ้าใครรู้สึกว่าของมันต้องมี ก็นำข้อมูลเกี่ยวกับการติดตั้งจากุซซี่จากบทความนี้ไปใช้กันได้ค่ะ