บัตรเครดิตมีผลต่อการกู้ซื้อบ้านยังไง? พร้อมแนะวิธีใช้บัตรให้ขอสินเชื่อผ่าน

ใครมีความเชื่อแบบนี้กันบ้างคะ ว่าการทำตัวคลีน ๆ ไม่มีหนี้บัตรเครดิตให้ต้องผ่อนรายเดือน จะทำให้เวลากู้ซื้อบ้านสามารถขอสินเชื่อได้ง่าย แต่ก็มีอีกหลายเสียงแย้งว่าถ้าไม่มีบัตรเครดิตธนาคารจะปล่อยกู้ยาก แล้วตกลงมีหรือไม่มี แบบไหนขอสินเชื่อง่ายกว่ากัน วันนี้แอดเลยจะพาทุกคนไปหาคำตอบว่าบัตรเครดิตมีผลต่อการซื้อบ้านยังไง

มีหรือไม่มีบัตรเครดิตส่งผลต่อการกู้ซื้อบ้านยังไง?

หลายคนคงเคยได้ยินว่า ถ้าไม่มีบัตรเครดิตจะขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารได้ยาก เพราะไม่มีประวัติการใช้บัตรมาแสดงให้เห็นว่าเรามีเครดิตดีไหม พฤติกรรมการใช้จ่ายเป็นยังไง ผ่อนตรงเวลาหรือเปล่า ซึ่งธนาคารมองว่าการจะปล่อยกู้ให้กับคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยง เนื่องจากไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีวินัยทางการเงินมากน้อยแค่ไหน

แต่ก็ใช่ว่าคนไม่มีบัตรเครดิตจะขอสินเชื่อบ้านไม่ได้เลย เพราะหลักฐานทางการเงินที่เรายื่นให้เจ้าหน้าที่พิจารณาก็มีทั้ง Bank Statement ย้อนหลัง 6-12 เดือน แล้วแต่ธนาคาร เพื่อดูความเคลื่อนไหวของบัญชีเงินฝาก สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน รวมไปถึงหลักทรัพย์อื่น ๆ ที่แสดงสถานะทางการเงิน

ดังนั้นใครที่ไม่มีบัตรเครดิตก็ไม่ต้องกังวลว่าธนาคารจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้ อย่างตัวแอดเองตอนกู้ซื้อคอนโดก็ยังไม่มีบัตรเครดิตเหมือนกัน แต่ก็สามารถขอสินเชื่อผ่านฉลุย เพราะเจ้าหน้าที่ประเมินเราจากเอกสารหลักฐานอื่น ๆ ด้วยนั่นเอง

วิธีใช้บัตรเครดิตให้ขอสินเชื่อผ่าน

สำหรับใครที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต แล้วมีหนี้บัตรที่ต้องผ่อนทุกเดือน ก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะแอดได้นำวิธีใช้บัตรเครดิตให้ขอสินเชื่อผ่านมาฝากค่ะ

อย่าใช้บัตรเครดิตเต็มวงเงินบ่อยถ้าไม่จำเป็น

โดยส่วนใหญ่วงเงินบัตรเครดิตจะอยู่ที่ 1.5-5 เท่าของรายได้ต่อเดือน นั่นแปลว่าถ้าเราใช้บัตรเครดิตเต็มวงเงินบ่อย ๆ หรือบางคนมีหลายใบและรูดบัตรเต็มวงเงินทุกใบ ยิ่งสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เกินตัว และเป็นการสร้างหนี้สูงกว่ารายได้ แล้วเมื่อธนาคารตรวจสอบประวัติจากเครดิตบูโรก็จะปล่อยสินเชื่อยาก เพราะมองว่ายอดชำระบัตรเครดิตรายเดือนก็มีมากอยู่แล้ว หากให้กู้ซื้อบ้านอีก ภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนก็จะยิ่งสูงขึ้น มีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถผ่อนชำระไหว

ดังนั้นใครที่มีบัตรเครดิตไม่ว่าจะหนึ่งใบหรือมากกว่านั้นก็ตาม หากไม่จำเป็นอย่ารูดบัตรเต็มวงเงิน แต่ควรคำนวณยอดชำระบัตรในแต่ละเดือนไม่ให้เกิน 15-20% ของรายได้ เพื่อให้มีเงินเพียงพอในการผ่อนบ้าน และไม่ทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จนอาจจะต้องไปหยิบยืมคนอื่น ซึ่งเป็นการก่อหนี้เพิ่มมากขึ้น

ห้ามผิดนัด! ต้องจ่ายบัตรตรงเวลา

การชำระบัตรเครดิตตรงเวลา ย่อมแสดงให้ธนาคารเห็นว่าเรามีวินัยทางการเงิน ซึ่งก็เป็นผลมาจากการไม่รูดบัตรเครดิตจนติดนิสัย ใช้เท่าที่จำเป็น มีการวางแผนการใช้จ่ายเป็นอย่างดี ทำให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้ไม่ยาก แต่ถ้าเรามีประวัติผิดนัดชำระบัตรเครดิต ก็จะสะท้อนถึงการขาดสภาพคล่องทางการเงินจนไม่สามารถใช้หนี้ได้ตรงเวลา ซึ่งก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้หากกู้ซื้อบ้านเช่นกัน

ผ่อนขั้นต่ำทำดอกเบี้ยบานสร้างภาระยาว

แม้ว่าบัตรเครดิตจะมีการกำหนดยอดชำระขั้นต่ำในแต่ละเดือน แต่ก็ควรผ่อนให้มากกว่านั้น เพราะอย่าลืมว่าในจำนวนเงินที่เราต้องจ่ายมีดอกเบี้ยรวมอยู่ด้วย นั่นแปลว่าถ้าเราผ่อนบัตรเครดิตขั้นต่ำทุกเดือน ยอดหนี้คงค้างก็จะยิ่งมากขึ้นตาม และต้องใช้เวลานานกว่าจะชำระหนี้หมด ทำให้เวลาที่เรากู้ซื้อบ้าน ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อยาก หรืออาจปฏิเสธสินเชื่อไปเลยก็ได้ เพราะแค่หนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่ก็มากแล้ว หากมีหนี้บ้านเข้ามาอีก ก็มีความเสี่ยงที่จะผ่อนชำระไม่ไหว

เคลียร์หนี้บัตรเครดิตก่อนกู้ซื้อบ้าน

หากใครกำลังวางแผนจะกู้ซื้อบ้านแล้วมีหนี้บัตรเครดิตอยู่ ให้เคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน โดยอาจเพิ่มยอดผ่อนในแต่ละเดือน หรือถ้าบังเอิญได้โบนัสจากการทำงาน ก็แบ่งเงินส่วนหนึ่งมาโปะหนี้บัตรให้หมด หรือให้เหลือน้อยที่สุด ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อง่ายขึ้น เพราะการเคลียร์หนี้บัตรเครดิตจนหมดได้นั้น แสดงให้เห็นว่าเรามีสภาพคล่องทางการเงิน และมีความสามารถพอที่จะชำระค่างวดบ้านกับธนาคารได้

ปิดบัตรเครดิตที่ไม่จำเป็น

เหตุผลที่คนมีบัตรเครดิตหลายใบมักจะมาจากการที่สิทธิพิเศษของบัตรแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน หลายคนจึงสมัครบัตรหลายใบเพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ในแต่ละด้าน และถึงแม้ว่าบางใบเราจะหยิบมาใช้นาน ๆ ครั้ง แต่เวลากู้ซื้อบ้าน ธนาคารจะมองว่าการมีบัตรเครดิตหลายใบ ยิ่งทำให้เรามีโอกาสที่จะก่อหนี้มากขึ้น หากปล่อยสินเชื่อให้ก็จะมีความเสี่ยง ดังนั้นใครที่มีบัตรเครดิตหลายใบและกำลังจะซื้อบ้าน ควรปิดบัตรเครดิตให้เหลือเพียงใบเดียว และใช้เท่าที่จำเป็นก็พอ จะได้ขอสินเชื่อธนาคารได้ง่ายขึ้น

การมีหรือไม่มีบัตรเครดิต ไม่ได้การันตีว่าจะสามารถกู้ซื้อบ้านได้หรือไม่ได้ เพราะธนาคารประเมินความสามารถของเราจากหลักฐานทางการเงินทุกอย่างอยู่แล้ว ซึ่งสุดท้ายสิ่งที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อง่ายขึ้น ก็มาจากพฤติกรรมการใช้จ่ายและวินัยทางการเงินของเรานั่นเอง