แชร์ประสบการณ์

แชร์ประสบการณ์

นิทานอสังหา EP.8 บ้านเลขที่ 13 ที่ขายไม่ได้ 3 ปี... จนกลายเป็นบ้านที่คนอยากแย่ง

matching
วันที่สร้างประกาศ เวลาสร้าง 13 สิงหาคม 2568 14:40
นิทานอสังหา EP.8 เลขที่ไม่มีใครอยากได้ กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสุข
บนถนนเส้นหลักของเมืองที่กำลังเติบโต มีบ้านหลังหนึ่งยืนเงียบอยู่ใต้ร่มเงาต้นลีลาวดีใหญ่ ดอกสีขาวนวลร่วงโรยลงบนสนามหญ้าที่เริ่มสูงกว่าระดับข้อเท้า
สีของกำแพงซีดลงจนดูเหมือนภาพถ่ายเก่าในอัลบั้ม
เจ้าของบ้านคือ “ป้ารำไพ” อดีตครูใหญ่โรงเรียนมัธยมในย่านนี้
เมื่อ 3 ปีก่อน ป้ารำไพตัดสินใจย้ายไปอยู่กับลูกชายที่เชียงใหม่
บ้านจึงถูกปล่อยว่าง แรกเริ่ม เธอลองขายผ่านเพื่อนบ้านที่รู้จักนายหน้าเก่า ๆ ในละแวก แต่ก็ไม่มีใครปิดดีลได้
ทุกครั้งที่มีคนมาดูบ้าน พอหันไปเห็นบางอย่าง ก็มีเพียงรอยยิ้มเก้อ ๆ และคำว่า
“สวยนะคะ แต่… เดี๋ยวขอกลับไปคิดก่อน”
เวลาผ่านไป จากราคาที่ตั้งสูงเพื่อเผื่อการต่อรองก็ลดลงมาทีละนิด
จากบ้านที่เคยถูกจัดสวนอย่างประณีต กลายเป็นบ้านที่ใบไม้แห้งเริ่มทับถมตรงมุมกำแพง ป้ารำไพเองก็เริ่มเหนื่อยกับการจ่ายค่าดูแลบ้านทั้งที่ไม่ได้อยู่
จนวันหนึ่ง เพื่อนเก่าของป้ารำไพที่เป็นหัวหน้าชมรมครูเกษียณ
ได้ไปงานสังสรรค์และบังเอิญนั่งโต๊ะเดียวกับ “คุณสมชาย”
อดีตลูกค้าของนิว
คุณสมชายเล่าให้ฟังว่าเพิ่งขายบ้านเก่าในย่านฝั่งธนได้ในเวลาไม่ถึง 2 เดือน
เพราะนิวมีวิธีทำตลาดที่ “ไม่เหมือนคนอื่น”
เพื่อนป้ารำไพได้ยินก็เอ่ยปากว่า
“งั้นช่วยแนะนำให้หน่อยสิ บ้านฉันติดขายมา 3 ปีแล้ว”
ไม่กี่วันต่อมา โทรศัพท์ของนิวดังขึ้น เสียงหญิงสูงวัยปลายสายพูดอย่างสุภาพ
แต่แฝงด้วยความหวังเล็ก ๆ
“น้องนิวใช่มั้ยคะ…พี่มีบ้านอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ห้าง ใกล้รถไฟฟ้า
แต่ติดนิดเดียว…เลขที่บ้านคือ 13”
นิวฟังเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ในหัวไม่ได้คิดว่ามันเป็นปัญหา แต่กลับคิดว่า…
“นี่อาจเป็นเรื่องราวใหม่ที่รอให้คนมาเล่า”
บ้านเดี่ยว 2 ชั้นสีขาวที่หม่นลงตามกาลเวลา หลังคากระเบื้องสีเทาเข้มมีคราบฝนซึมเป็นลาย รั้วเหล็กสีดำยังแข็งแรงแต่สีเริ่มซีดตรงขอบที่แสงแดดกระทบทุกเช้า
หน้าบ้านมีต้นลีลาวดี 2 ต้น ยืนเฝ้ากันอยู่สองฟากประตู
ดอกสีขาวนวลโรยลงพื้นเหมือนใครโรยผงแป้งไว้บางๆ
สนามหญ้าถูกตัดไม่สม่ำเสมอ บางมุมยังมีวัชพืชเลื้อยปนอยู่
เมื่อนิวก้าวพ้นรั้วเข้ามา กลิ่นไม้เก่าและความชื้นต้อนรับเหมือนเพื่อนเก่า
พื้นปาเก้ขัดมันเริ่มมีรอยแตกเล็กๆ จากการหดตัว
แสงเช้าลอดผ่านบานหน้าต่างไม้บานใหญ่ตรงห้องรับแขก ตกลงบนโซฟาผ้าลายทางที่ซีดไปตามเวลา
ครัวอยู่ด้านหลัง เป็นครัวปูนเก่าแต่สะอาด
บันไดไม้ขึ้นไปชั้นสองส่งเสียงเอี๊ยดเมื่อเหยียบ
บ้านหลังนี้เคยมีครอบครัวใหญ่แต่พอพี่น้องแยกย้ายกันออกไป
เหลือเพียงเจ้าของวัยเกษียณที่ย้ายไปอยู่กับลูกชาย
บ้านจึงว่างอยู่เกือบ 5 ปี ก่อนจะถูกประกาศขาย
นิวนายหน้ามือเก๋าเริ่มลงพื้นที่ สำรวจสภาพ ทำภาพถ่ายและค้นข้อมูลตลาดรอบๆ
ที่ดินย่านนี้ ราคากำลังไต่ขึ้นทุกปี แต่ปัญหาคือความเชื่อที่ฝังหัวของคนส่วนใหญ่ในละแวกนี้ ใครก็ตามที่มาดูบ้านจะเหลือบตาไปมองป้ายเลขแล้วเงียบลงทันที
บางคนบอกตรงๆ ว่า “สวยนะ แต่… เลขบ้านมันไม่ดี”
ราคาก็ปรับลงมาจากตอนแรกพอสมควรแต่ก็ยังไม่มีใครยอมเซ็นสัญญา ในใจนิวรู้ดีว่าถ้ายังใช้วิธีเดิมๆ บ้านนี้อาจอยู่ในตลาดไปอีกนาน
บ่ายวันหนึ่ง ขณะนิวกำลังแก้ภาพประกาศขาย โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เสียงจากปลายสายบอกว่า เป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
“เห็นรูปบ้านหลังนี้จากเว็บ… สนใจขอเช่าใช้ถ่ายทำได้ไหม?”
พวกเขากำลังมองหาบ้านเก่าในเมืองที่มีบรรยากาศอบอุ่นที่ยังมีร่องรอยของเรื่องราวในอดีต และบ้านหลังนี้ปรากฏอยู่ในลิสต์สถานที่ของทีมงาน
นิวเริ่มมองเห็นอะไรบางอย่าง
เมื่อนิวโทรไปถามป้ารำไพเพื่อให้เปิดโอกาส เจ้าของบ้านมีความรู้สึกลังเล
“จะดีเหรอ เลขมันแรงนะ คนดูจะรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า?”
นิวตอบช้าๆ ให้ทุกคำชัด
“เลขมันอยู่บนป้าย แต่เรื่องราวของหนังจะอยู่ในความทรงจำของคนดู”
หลังการพูดคุยและป้ารำไพตอบตกลง นิวเริ่มให้ทีมงานเข้ามาตกแต่งบ้าน
สนามหญ้าได้รับการปูใหม่ เพิ่มแปลงดอกไม้สีสันสดภายในถูกจัดเฟอร์นิเจอร์เพิ่มให้ตรงตามบท ทุกมุมถูกปัดฝุ่น ขัดไม้ และเปิดม่านรับแสงเต็มที่
กลิ่นกาแฟและอาหารที่ทำสดใหม่จากกองถ่ายลอยคลุ้งทั่วบ้าน
เสียงหัวเราะของนักแสดงเด็ก และเสียง “เทค!” ของผู้กำกับ
ทำให้บ้านดูมีชีวิตอีกครั้ง
2 อาทิตย์ของการถ่ายทำ บ้านหลังนี้ไม่ได้ถูกมองถึงความอาถรรพณ์
ของเลขที่บ้านอีกเลย ทุกคนเรียกมันว่า “บ้านคุณดาว” ตามชื่อในบท
ในเนื้อเรื่องของหนัง
บ้านถูกเล่าให้เป็นตัวแทนของความรักของหนุ่มสาวคู่นึง และเป็นศูนย์รวมของความรักในครอบครัวก่อนจะปิดเรื่องด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นที่ตัวละครในหนังมองข้ามมันไป
3 เดือนต่อมา หนังออกฉาย
ไม่ถึงสัปดาห์แรกก็ติดเทรนด์อันดับ 1 บน Platform ชื่อดัง ฉากสนามหน้าบ้านและระเบียงชั้น2 ถูกพูดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า hastage #บ้านคุณดาว ถูกใช้นับ 10,000 ครั้ง ผู้คนเริ่มตั้งกระทู้ถาม “บ้านคุณดาวอยู่ที่ไหน?”
ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเลขที่บ้านอีกแล้ว
นิวรีบทำประกาศขายใหม่ ใช้ภาพนิ่งจากกองถ่าย และมุมในหนังเป็นภาพหลัก
ตั้งหัวข้อว่า “เผยบ้านจริงของคุณดาว จากภาพยนตร์อันดับ 1 ในตอนนี้”
นิวเล่าเบื้องหลังว่า บ้านนี้คือโลเกชันที่ผู้กำกับเลือก
เพราะ “มันมีความเป็นเอกลักษณ์และเรื่องราวในตัวเอง”
นิววางคำให้คนรู้สึกว่าไม่ได้ซื้อแค่บ้าน แต่ซื้อ “ชิ้นส่วนความทรงจำของภาพยนตร์ที่พวกเขาชื่นชอบ”
เลข 13 ที่คนรังเกียจ
กลับกลายเป็นเรื่องเล่าใหม่
“13 มุมสวยของบ้านหลังนี้”
“13 สิ่งที่ควรรู้ก่อนอยู่บ้านหลังนี้”
“13 ข้อดีของบ้านหลังนี้”
“13 เรื่องราวก่อนจะมาเป็นบ้านคุณดาว”
ผลลัพธ์เกินคาด มีคนติดต่อเข้ามามากกว่าที่เคย และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือมีนักลงทุนยื่นข้อเสนอสูงกว่าราคาที่เคยตั้งไว้เดิมถึง 15%
เพราะเขาอยากได้สิทธิ์ในการใช้ชื่อและเรื่องราวของบ้านนี้ต่อยอดธุรกิจ Homestay ใน Theme ของภาพยนตร์
13 จากเลขอาถรรพณ์ ชื่อเปลี่ยนมาเป็น The Thirteen House เพื่อแสดงถึงความ Limited
บ้านที่เคยถูกมองข้ามเพราะตัวเลข กลับขายได้เพราะมันมี “เรื่องราว”
ที่คนอยากมีส่วนร่วม
สุดท้าย สัญญาขายก็เซ็นภายใน 1 เดือน
บ้านที่เคยถูกมองว่าเป็น “เลขต้องห้าม” กลับกลายเป็นสินทรัพย์ที่ “เลขต้องแย่ง”
ด้วยเรื่องราวใหม่ที่ถูกสร้างขึ้น
บ้านที่เคยแห้งแล้งไม่มีใครอยากได้ กลับมามีลมหายใจอีกครั้ง ดังนั้นบ้านทุกหลังมีเรื่องเล่าแต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะมีโอกาสได้
ป้าย “For Sale” ถูกถอดออก เหลือเพียงป้ายเล็ก ๆที่เขียนว่า The Thirteen House มันไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัยแต่คือหลักฐานว่า ความหมายของทุกสิ่ง...เปลี่ยนได้เสมอ
นิวมองย้อนกลับไปที่รั้วบ้านอีกครั้ง ก่อนเดินออกมาเขารู้ดีว่าจากนี้ไปบ้านหลังนี้จะไม่ใช่ “บ้านเลขที่ 13” ของความโชคร้ายอีกต่อไป แต่มันคือบ้านของเรื่องราวใหม่
ที่จะถูกเล่าขานในความอบอุ่นต่อไปอีกนาน

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ดูหัวข้ออื่นเพิ่มเติม