ความรู้

ความรู้

ตลาดสัตว์เลี้ยง กับค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลที่สูงขึ้นทุกปี

วันที่สร้างประกาศ เวลาสร้าง 21 พฤศจิกายน 2565 15:42
สวัสดีครับ เจอกันอีกครั้งกับประกันเรื่องใกล้ตัว กับ Art Living Insure ครับ

เชื่อไหมว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยใหญ่ระดับบิ๊กเบิ้มมาก ๆ ซึ่งจากข้อมูลที่ผมหามาได้ ตลาดสัตว์เลี้ยงทั้งภาคสินค้าและบริการในประเทศมีมูลค่าสูงถึง 4 หมื่นล้านบาท และยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดูจากตัวเลขแล้วใครที่บอกว่า “สัตว์เลี้ยงต้องสุขสบายแม้ตัวเองต้องล้มละลายก็ยอม” ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
ในปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าสัตว์เลี้ยงที่นิยมเลี้ยงกันมาก คือ สุนัขและแมว เสมือนหนึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัวของใครหลายๆ คน ยิ่งเฉพาะคนโสดจะชอบเลี้ยงแมวไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาในบ้าน อีกทั้ง Accessories ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสุนัขและแมว ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ หรือของเล่น ก็มีให้เลือกซื้อเพิ่มมากขึ้น
หลากหลายแบรนด์สินค้ามีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเเข่งขันในตลาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยในการกระตุ้นตลาดสัตว์เลี้ยงให้เติบโตขึ้นทุกปี และที่สำคัญภาคบริการเองไม่ว่าจะเป็น ร้านจำหน่ายสินค้าสัตว์เลี้ยง ร้านตัดขน สปา สระว่ายน้ำ หรือธุรกิจโรงแรมและคอนโดมิเนียมก็หันมาทำตลาดเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงกันมากขึ้นเช่นกัน
อีกหนึ่งธุรกิจที่สำคัญหรือเรียกได้ว่าเป็นธุรกิจหลักของตลาดนี้ก็คือ สถานพยาบาลสัตว์เลี้ยง เพราะโดยส่วนใหญ่เจ้าของมักจะพาสัตว์เลี้ยงของตนไปรับวัคซีนเป็นประจำ หรือพาไปผ่าตัดทำหมัน หรือพาไปรักษาในยามเจ็บป่วย ทำให้โรงพยาบาลหรือคลินิกรักษาสัตว์มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งค่ารักษาในแต่ละปีก็มีแนวโน้มที่สูงขึ้น เริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักหมื่นบาทต่อครั้ง บางกรณีที่ต้องรักษาหลายครั้ง เจ้าของก็จะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในส่วนนี้สูงขึ้นตามไปด้วย
แล้วจะมีอะไรมาช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการรักษานี้บ้างไหม?
คำตอบคือ มีครับ เพราะในปัจจุบันบริษัทประกันภัยมีการนำแผนประกันภัยสัตว์เลี้ยงออกมาเสนอขายให้กับเจ้าของมากขึ้น อีกทั้งช่องทางการขายก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์ นายหน้าฯ หรือผ่านโรงพยาบาลที่ทำสัญญาไว้กับบริษัทประกันภัยก็ตาม ตัวอย่างเช่น ทิพยประกันภัย เมืองไทยประกันภัย ประกันภัยไทยวิวัฒน์ มิตรแท้ประกันภัย เอฟดับบลิวดีประกันภัย หรือฟอลคอนประกันภัย เบี้ยเริ่มต้นตั้งแต่ 500 บาท/ปี ไปจนถึง 13,200 บาท/ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความคุ้มครองที่ลูกค้าต้องการซื้อ
จุดเด่นของแผนประกันภัยสัตว์เลี้ยงแต่ละบริษัท
📍ประกันภัยไทยวิวัฒน์จะให้ค่ารักษาพยาบาลสูงที่สุด แต่ลูกค้าต้องออกค่ารักษาเอง 10% ของค่ารักษาที่ต้องจ่ายทั้งหมด
📍เอฟดับบลิวดีประกันภัย มีเงินชดเชยค่าห้องพักสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เข้ารับการรักษาพยาบาลในฐานะสัตว์ป่วยในในโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกสัตว์อันเนื่องมาจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
📍 เมืองไทยประกันภัยและฟอลคอลประกันภัย ให้ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากพยาธิ เห็บ หมัด ไร เล็น โรคเรื้อน หรือโรคผิวหนังทุกชนิด
📍ทิพยประกันภัย มีค่าวัคซีนป้องกันโรคในสัตว์เลี้ยงตั้งแต่แผนเริ่มต้น และมีค่ารับฝากเลี้ยง กรณีเจ้าของไปต่างประเทศ
เห็นไหมครับว่าแต่ละเจ้าจะมีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่ว่าเราต้องการซื้อความคุ้มครองแบบไหน พอใจที่จะจ่ายเบี้ยประกันเท่าไร และสะดวกซื้อผ่านช่องทางไหน แต่.....ผมขอแอบกระซิบนิดนึงนะครับว่าตอนนี้แผนประกันภัยสัตว์เลี้ยงของทิพยประกันภัย เราสามารถซื้อประกันผ่านเว็บไซต์ได้เลย TIP PET LOVER
จุดด้อยสำหรับแผนประกันภัยสัตว์เลี้ยงคืออะไร ?
จุดด้อยของแผนประกันภัยสัตว์เลี้ยง คือ มีการกำหนดเพดานค่ารักษาไว้ไม่สูงมาก ส่วนใหญ่จะเหมาะกับสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงในระบบปิด สุขภาพแข็งแรง และไม่เคยเจ็บป่วยหนักมาก่อน แถมยังมีระยะเวลารอคอยการเสียชีวิตหรือการเจ็บป่วยอีก 60 วัน เห็นแบบนี้แล้วผมก็ขอแนะนำให้ทำไว้ตั้งแต่สัตว์เลี้ยงของเรายังมีสุขภาพแข็งแรงจะดีกว่าครับ เพราะถ้าเกิดป่วยแล้วมีประวัติการรักษานี่จะซื้อยากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลตลาดสัตว์เลี้ยงและแผนประกันภัยสัตว์เลี้ยงที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ผมนำมารีวิวและแนะนำให้หลายคนรู้จักกันครับ
มาถึงตอนท้ายของ EP ที่สามกันแล้วนะครับ ทุกครั้งที่เราจะทำประกันภัยผมขอแนะนำว่า “ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง” และในการทำประกันภัยจะต้องยึดหลักที่ว่า “ความสุจริตใจอย่างยิ่งในการทำประกัน” เพราะจะได้ไม่ทำให้เกิดปัญหาในตอนเคลมกันนะครับ
จบแล้วครับสำหรับบทความใน EP ที่สาม และใน EP ต่อไปผมจะมารีวิวหรือแนะนำแผนอะไรต่อ รอติดตามกันนะครับ หรือถ้าใครมีข้อสงสัย หรือต้องการให้รีวิวแผนประกันอะไรเพิ่มเติมสามารถส่งมาได้เลยนะครับ
แล้วพบกันใหม่กับ ประกันเรื่องใกล้ตัว กับ Art Living Insure สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง